‘ชัชชาติ’ สั่งเขตหาพื้นที่ทำ ถนนคนเดิน-หาบเร่ แผงลอย
‘ชัชชาติ’ ลุย แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง มอบเขตหาพื้นที่ทำถนนคนเดิน-หาบเร่แผงลอย พร้อมหาแนวทางลดปัญหารถเมล์ขาดช่วง
วันนี้ (16 มิ.ย.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2565 ว่า หัวใจของการดำเนินงานคือ ความโปร่งใส ประเด็นหลักที่หารือในที่ประชุม ได้แก่ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เงินเฟ้อ ราคาน้ำมันและแก๊สที่สูงขึ้น ซึ่ง กทม.ช่วยได้ระดับหนึ่งตามกำลังที่มี โดยได้มอบนโยบายในการจัดกิจกรรม เช่น หาพื้นที่ทำถนนคนเดิน คิดค่าเช่าพื้นที่ราคาถูก ไม่กระทบต่อผู้ค้าเดิม นำของดีราคาไม่แพงแต่ละเขตมาขายในพื้นที่อื่น เช่น เขตมีนบุรี และเขตหนองจอกมีผลผลิตทางการเกษตรก็นำมาขายในพื้นที่อื่นได้
รวมทั้งพิจารณาปัญหาหาบเร่แผงลอยไม่กระทบคนเดินเท้า ซึ่งมีเรื่องรออนุมัติประมาณ 30 จุด พร้อมทั้งมอบหมายให้แต่ละเขตเข้าไปพูดคุยกับเอกชน นำพ่อค้าแม่ค้ามาขายในพื้นที่เอกชน เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองแบ่งปัน ต้องแบ่งปันพื้นที่ที่มีเหลือซึ่งกันและกัน ลดการกีดขวางทางเดิน และสนับสนุนให้มีอาหารราคาถูกสำหรับประชาชน
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะดำเนินตามประกาศกระทรวงการคลัง แต่ปัจจุบัน กทม.ยังไม่สามารถเก็บได้ครบ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องฐานข้อมูล ซึ่งจะเร่งรัดกระบวนการจัดทำฐานข้อมูลในการจัดเก็บภาษี เพื่อให้มีการเบิกจ่ายนำเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากสุด
สำหรับแนวทางปฏิบัติในพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ กทม. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ สนับสนุนบริการทางการแพทย์ และรักษาความสะอาด ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้มีเหตุน่ากังวล รวมทั้งให้เขตเสนอพื้นที่สาธารณะในการชุมนุม เพราะในอนาคตอาจมีการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การแสดงออกทางที่อยู่อาศัย หรือ EIA เพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ในการแสดงออก
ทั้งนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนการประกาศใช้ เกี่ยวกับกรณีมีการกระทำผิดกฎหมาย ขณะที่เรื่องโควิด-19 อยู่ระหว่างรอ ศบค.ถกมาตรการถอดหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะและโล่งแจ้งในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.65)
กรณีที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ออกมายอมรับว่า รถเมล์ขาดช่วง เบื้องต้นได้มอบหมายให้แต่ละเขตลงพื้นที่สำรวจจุดที่มีปัญหาแล้ว เพื่อแจ้งไปยังกระทรวงคมนาคมต่อไป โดยจะนำระบบ Bma Feeder หรือรถชัทเทิลบัสมาใช้หรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ปัจจุบันมีการจ้างอยู่ 3 สาย หากดำเนินการอยู่ก็สามารถนำมาใช้ได้เลย แต่ถ้าให้เริ่มโครงการใหม่คงไม่ทันแล้ว เพราะเรามีทรัพยากรจำกัดในการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามต้องพิจารณา ข้อเท็จจริงก่อน
