POLITICS

We Watch รายงานปัญหาที่พบในการเลือกตั้ง 2566 ชี้ กกต. ควรรายงานผลเร็ว มีประสิทธิภาพมากกว่านี้

เห็นควรแก้ กม.เลือกตั้ง ให้ ปชช.เข้าถึงสิทธิได้มากขึ้น บริการหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ให้ผู้พิการ จัดเลือกตั้งให้ผู้ต้องขังที่ยังไม่ถูกพิพากษา

วันนี้ (16 พ.ค. 66) We Watch หรือ เครือข่ายสังเกตการณ์เลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวเรื่องผลการสังเกตการณ์การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรประจำปี 2566 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยวิธีการสังเกตการณ์ของ We Watch ใช้อาสาสมัครกว่า 9,000 คน กระจายกันสังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 11,622 หน่วย จากทั้งหมด 95,000 หน่วยทั่วประเทศ โดยเริ่มสังเกตการณ์ตั้งแต่เปิด-ปิดหีบเลือกตั้ง คือ 08:00-17:00 น. จนถึงช่วงการนับคะแนน โดยพบข้อกังวล และข้อกังขาหลายประการ ได้แก่

1.ปัญหาประสิทธิภาพในการจัดการหน่วยเลือกตั้ง เช่น การจัดสถานที่ลงคะแนนไม่เอื้ออำนวยต่อผู้พิการและผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็น การให้ข้อมูลผู้สมัครฯผิด รวมถึงปัญหาว่าด้วยความเป็นกลาง อาทิ ป้ายหาเสียงอยู่ใกล้/หน้าหน่วยเลือกตั้ง ระบบรายงานผลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ล่าช้า และคลาดเคลื่อน

2.การละเลยหลักการลงคะแนนเป็นความลับ ซึ่งในหลายพื้นที่ พบว่า หลังคูหาไม่มีกระดานทึบ หรือกำแพงมาบังด้านหลังคูหา อาจทำให้มีการสอดส่องการทำคะแนนได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำบัตรเลือกตั้งขาด

3.ข้อผิดพลาดของบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบการรายงานในการหลายกรณี เช่น มีรายชื่อบุคคลที่ไม่รู้จักอยู่ในทะเบียนบ้านของตน รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังอยู่ทะเบียนบ้านเดิม แม้ย้ายที่อยู่เป็นเวลานานแล้ว รวมถึง สิทธิเลือกตั้งปรากฏเป็นคนละเขตกับภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านจริง

4.ความผิดปกติของเอกสารสำคัญที่ต้องเปิดเผยต่อประชาชน เช่น รายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (ส.ส.5/5) และหลังการลงคะแนน (ส.ส.5/7)

5.ข้อกังวลต่อความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กปน. เช่น ช่วงลงคะแนนเลือกตั้ง พบรายงานว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนมีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกระทบต่อสิทธิประชาชน หรือช่วงนับคะแนน พบรายงานการ วินิจฉัยบัตรดี-บัตรเสียผิดพลาด การขานคะแนนผิดพลาด การขีดคะแนนผิด

6.ปัญหาการมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์เลือกตั้ง ซึ่งพบการรายงานจำนวนมากว่า คณะกรรมการในหลายหน่วยเลือกตั้งไม่เข้าใจหลักการของความโปร่งใสและสิทธิในการสังเกตการณ์กระบวนการเลือกตั้งของประชาชน เช่น การปฏิเสธผู้สังเกตการณ์ที่ไม่มีเอกสารแต่งตั้งจากพรรคการเมืองหรือ กกต. การไม่อนุญาตให้อาสาสมัครถ่ายภาพเอกสารสำคัญ รวมถึงไม่ให้ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอขณะนับคะแนน

We Watch ยังได้เสนอแนะการจัดการหลังเลือกตั้งในระยะเร่งด่วน 2 ประการ คือ

1.กกต. ควรชี้แจงจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีการจัดการที่ผิดพลาดและชี้แจงวิธีการแก้ไขอย่างละเอียด พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อสร้างความกระจ่างแก่ประชาชน

2.เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารประเทศ กกต. ควรเร่งรัดตรวจสอบผลการเลือกตั้งทุกเขต และประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด โดยอาจยึดระยะเวลาตามกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ซึ่งกำหนดให้ประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 7 วันหลังเลือกตั้ง

ส่วนการประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ของ กกต. นั้น นายกฤต แสงสุรินทร์ We Watch ระบุว่า การประกาศผลเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อได้ตรวจสอบแล้วว่าการเลือกตั้งสุจริตและเป็นธรรม ซึ่งคือการเคลียร์ข้อร้องเรียนทุกอย่างแล้ว ฉะนั้นในเขตเลือกตั้งไหนที่ยังมีข้อร้องเรียนอยู่จึงถือว่ายังไม่มีความสุจริตและเป็นธรรม จำเป็นต้องตรวจสอบก่อน คิดเป็นร้อยละ 95 ของจำนวนเขตเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น 380 เขตเลือกตั้ง ฉะนั้นหากมีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่มากกว่า 20 เขตขึ้นไป กกต.ยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ ซึ่งอาจจะกินเวลาได้กว่า 60 วัน

ส่วนในกรณี 60 วันแล้ว เรื่องร้องเรียนยังไม่เสร็จกกต.จะต้องประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน และทำการจัดการกับเรื่องร้องเรียนต่อไป We Watch มองว่าเรื่องนี้ใช้เวลานานเกินไป สำหรับการที่ประชาชนจะได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ควรมีการตรวจสอบจัดการข้อร้องเรียนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากที่สุด

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน Wa Watch กล่าวถึงข้อสังเกตสำคัญในการเลือกตั้งว่า ปัญหาในการเลือกตั้งไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นเรื่องโครงสร้างและกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้งที่เป็นอุปสรรค ซึ่งแม้กระทั่งกกต.ก็ยอมรับกับพวกเรา ว่า กฎหมายหลายข้อเป็นอุปสรรคที่จะแก้ไขและปรับปรุงเพื่อทำให้ดีขึ้น ฉะนั้นหลังจากนี้ we watch พร้อมทำงานเพื่อปฏิรูปกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องทำงานอย่างจริงจังต้องการทำการมีส่วนร่วมจากประชาชนและการรณรงค์ที่มากขึ้น เพื่อพัฒนาการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย

ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งปี 2562 หากประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าและมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า ประชาชนยังมีสิทธิกลับไปเลือกตั้งที่ภูมิลำเนาได้ ตนจึงถามว่าเอาออกทำไม เพราะเป็นการสนับสนุนการทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิการเลือกตั้งและสนับสนุนให้คนออกมาใช้สิทธิ หรือการจัดการเลือกตั้งอย่างมีส่วนร่วม เช่น หากเป็นผู้พิการหรือป่วยผู้ติดเตียง

โดยได้ยกตัวอย่างในประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เนปาล จะมีการจัดหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ไปตามบ้าน พร้อมผู้สังเกตการณ์ภาคประชาชน และผู้สังเกตการณ์พรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค เดินทางไปตามบ้านที่ลงทะเบียนไว้ จัดให้มีการเข้าถึงสิทธิการเลือกตั้งในบ้านของเขาเลย หรือในบางประเทศ มีการจัดการหน่วยเลือกตั้งในเรือนจำ สำหรับผู้ต้องขังที่ยังไม่ถูกพิพากษา

พงษ์ศักดิ์ ย้ำว่า องค์กรการจัดการเลือกตั้ง มีหน้าที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าถึงสิทธิการเลือกตั้ง แต่เหตุที่ประเทศไทยทำไม่ได้เพราะมีกฎหมายเขียนว่าการเลือกตั้งต้องทำในหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งได้เสนอให้แก้ไขไปหลายปีแล้ว ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat