‘ชุติพงศ์’ เสนอตั้ง กมธ. แก้ปัญหาค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า

‘ชุติพงศ์’ เสนอตั้ง กมธ. แก้ปัญหาค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า ชี้ แม้รู้ว่าตั้งอยู่ติดชายแดนไทย แต่แก้ไขไม่ได้ แนะแนวทาง ตั้งศูนย์บัญชาการทำงานร่วมกัน – ตัดไฟ – ตัดเน็ต – สอบ จนท. รัฐที่เกี่ยวข้อง – ธนาคารร่วมรับผิดชอบ ด้วย
วันนี้ (16 ม.ค. 68) นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดระยอง ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า ว่า ถือเป็นวาระสำคัญทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ ภาพรวมของประเทศไทยในเรื่องนี้ มีฐานอยู่ที่พื้นที่ชายแดน และล้ำเข้าไปในประเทศรอบนอกทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ขบวนอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลต่อประเทศไทย และนานาชาติ ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย เพราะถูกมองว่าเป็นทางผ่านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าถูกหลอกไปทำงาน ถ้าไปแล้วจะถูกลักพาตัว ไม่ควรเดินทางไปท่องเที่ยว
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า ในรัฐบาลมีมาตรการ และนโยบายต่าง ๆ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แต่เมื่อเทียบกับขนาดของปัญหา จะพบว่าการคุกคามทางโทรศัพท์ การหลอกให้โอนเงิน สิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่เกือบทุกวัน รวมถึงการถูกหลอกไปทำงาน สิ่งเหล่านี้ เราในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเร่งหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาล ปัญหาเรื่องนี้ไม่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไป และตนเองเชื่อว่า เราทุกคนในที่นี้ เคยรับสายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ระบุว่า ประเทศไทยถูกหลอกผ่านสายโทรศัพท์เกือบ 100 ล้านครั้ง ความเสียหายในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา รวมแล้ว 77,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีคนจีน คนอเมริกา และประเทศในยุโรป ที่ถูกหลอก รายได้มหาศาลเหล่านี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ก็เอาไปสร้างคน สร้างงาน ทั้งคนที่ถูกหลอก และคนเต็มใจ มาสร้างอาณาจักร จัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ทหารระดับสูง ที่ควบคุมพื้นที่ทั้งสองฝั่ง
นายชุติพงศ์ ยกตัวอย่างอีกว่า กรณีการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เล่าก์ก่าย รัฐฉาน ประเทศเมียนมา มีการหลอกทั้งคริโต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หุ้น เว็บพนัน ซึ่งมีรายงานว่า กองทัพเมียนมา จับคนไทย 162 คน และต่างชาติรวม 500 คน เป็นตัวประกัน ซึ่งนิยามว่า เป็นการจับตัวเพื่อเป็นโล่มนุษย์
นายชุติพงศ์ ยกตัวอย่างกรณีถัดไปว่า คนไทยตกตึก 18 ชั้น เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถือเป็นศพที่สามในรอบปีที่เสียชีวิต และตึกแห่งนี้ถูกระบุว่าเป็นกาสิโน และเป็นที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้คนไทยไปทำงาน
ส่วนกรณีซิงซิง นักแสดงชาวจีน ที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกลวงให้เข้าไปทำงาน ในเขตพื้นที่ชายแดน และโชคดีที่ตำรวจไทยช่วยเหลือออกมาได้ ซึ่งความน่าสงสัยก็มีอยู่ว่าตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปจนถึงการต่อรถไปยังชายแดน หลังจากนั้น มีการขยายผลไปถึงไหนแล้ว เราก็ไม่ทราบเลย เช่นเดียวกับกรณีของ หยางเจ๋อฉี นายแบบชาวจีน ที่หายไปบริเวณชายแดนไทยเมียนมา ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งก็เป็นกรณีที่คล้ายกันกับนายซิงซิง
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า แม้แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกว่าเป็นผู้นำประเทศ และยังไม่ได้บริจาค ซึ่งประโยคที่ว่านายกรัฐมนตรีเกือบเชื่อไปแล้ว ถ้าตนเองเป็นคนในรัฐบาล ก็จะสะดุ้งเลย เพราะขนาดเป็นรัฐบาล ยังเกือบหลงเชื่อ ไม่ต้องไปพูดถึงคนทั่วไป แล้วยังมีอีกหลาย ๆ คน ที่ไม่ได้โชคดีเหมือนนายกฯ เพราะมีเหยื่ออีกหลายคนที่ต้องจบชีวิตลง
นายชุติพงศ์ ระบุว่าเมื่อแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เฟื่องฟู ขึ้นมา ก็ไปหลอกคนเข้ามาในกระบวนการ จากสถิติการรับแจ้งเด็กหายจากมูลนิธิกระจกเงา จากปี 2567 รวมทั้งสิ้น 314 ราย เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 6 ปีสาเหตุหลักร้อยละ 72 หรือ 227 คนคือเด็กที่สมัครใจหนีออกจากบ้าน โดยอายุน้อยที่สุดคือ 7 ขวบ ซึ่งมีคนที่ถูกหลอกไปทำงานในชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น 11 คน ส่วนใหญ่จะมาจากคำเชิญชวนในโลกออนไลน์ และบางรายมีการส่งข้อความมายังครอบครัว เพื่อเรียกค่าไถ่ให้ปล่อยตัวอีกด้วย
นายชุติพงศ์ ระบุว่า ส่วนการแจ้งความจากมิจฉาชีพที่แจ้งความออนไลน์เข้ามา มี 21,506 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 2,493 ล้านบาท จากตัวเลขที่เห็น มีผู้เสียหายจำนวนมากไม่กล้าไปแจ้งความ ส่วนเรื่องบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระงับบัญชีม้า และแม้เราจะรู้ทั้งวงจร เราก็ยังคงพบเห็นการหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ แม้เราจะทราบว่าเขามีฐานการปฏิบัติการอยู่ในชายแดนไทย เมียนมา เรากำลังใช้เรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของแต่ละประเทศเป็นอุปสรรคในการปราบปราม
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า เมื่อย้อนไปดูนโยบายแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในปัจจุบันคือการเสนอ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ที่ให้ ครม. เห็นชอบ, เบอร์โทรด่วน 1441 รับแจ้งเหตุอาชญากรรมออนไลน์ของรัฐบาล ที่ตำรวจไซเบอร์ไปประจำอยู่ด้วย 24 ชั่วโมง และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค แต่ยังไม่สามารถจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาได้
แก๊งคอลเซ็นเตอร์แบ่งขั้นตอนการศึกษาเป็น 3 ขั้นตอน 1.ตั้งแต่การเริ่มขั้นตอนการค้ามนุษย์ การหลอกคนไปเป็นลูกจ้างของคอลเซ็นเตอร์ การตั้งฐาน ซึ่งมีการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ต่อตรงไปจากประเทศไทย 2.การดำเนินการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การใช้บัญชีม้า และการข้อมูลในการหลอกลวงประชาชน 3.หลังการดำเนินงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือการติดตามเงินคืน และมาตรการในการป้องกัน ไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดำเนินการได้อีก
นายชุติพงศ์ ชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า และการค้ามนุษย์ ต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ต้องใช้กลไกสภาในการเสนอบางประเด็นต่อไป ได้แก่
1.ศึกษาแนวทางการ จัดตั้งศูนย์บัญชาการ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตรง รวบรวมหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับกรณีเหล่านี้ มาดำเนินการร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สนับสนุนงบประมาณที่เพียงพอ ครอบคลุม การแก้ไขปัญหากระบวนการค้ามนุษย์ บูรณาการข้อมูลระหว่างสภาความมั่นคง และหน่วยงานอื่น ๆ ในการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทย ที่มีอำนาจในพื้นที่ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยว รวมทั้งบูรณาการร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา กัมพูชา
2.ศึกษาแนวทางการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และระงับการขายไฟฟ้า หรือตัดไฟฟ้าในอาชญากรรมข้ามชาติ
3.ศึกษาแนวทางการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาร่วมจัดการระบบป้องกันหลอกลวง การทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยทำกรอบความรับผิดชอบร่วมกัน หากธนาคารรู้อยู่แล้วว่าก่อให้เกิดความเสียหาย ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหายด้วย
4.ศึกษาแนวทางการการดำเนินการ จำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติ โดยจำกัดระบบโซนนิ่งวีซ่า ระงับการเดินทางไปชายแดนแม่สอด
การเสนอญัตติดังกล่าว เพราะตนเองทนไม่ได้ที่ฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ติดบ้านเรา มีการใช้ไฟ และอินเตอร์เน็ตจากบ้านเรา และยังหลอกเงินคนไทย ตนเองทนไม่ได้อีกต่อไปที่หลอกคนในบ้านไปเป็นทางผ่าน และหลอกลวงคนไทย และคนประเทศอื่นไปหลอกหาเงินให้นายพล ขุนศึกบางคนต้องสุขสบายอยู่กับคราบน้ำตาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
“เราเคยได้ยินว่าไทยเคยถูกตั้งเป้าที่จะเป็น Hub of Asia ในบทบาททางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเป็น Hub of human trafficking เป็นฮับด้านอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเพื่อร่วมกันหยุดยั้งเรื่องเหล่านี้ สภาผู้แทนราษฎร จึงต้องร่วมกันพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหา ขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า ตนเองทราบดีว่าภาระงานของ สส. มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็ให้ สส. มีการพิจารณาส่งเรื่องนี้ไปยัง กมธ. ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไปด้วยกัน ในการเสนอต่อรัฐบาลต่อไป