POLITICS

‘พิธา‘ ชี้ ควรให้เวลานายกฯ ทำงาน ไม่ควรเปลี่ยนตัวในตอนนี้

‘พิธา‘ ชี้ ควรให้เวลานายกฯ ทำงาน ไม่ควรเปลี่ยนตัวในตอนนี้ แนะไม่สามารถสั่งการแล้วจะแก้ปัญหาได้ แต่ต้องเห็นให้ชัดและตามงานภายในด้วย รับฟังประชาชน-เพื่อนนักการเมืองให้มากขึ้น ทำงานแบบมีโรดแมป

วันนี้ (15 ธ.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นทางการเมือง ภายหลังแถลงข่าววิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในรอบ 100 วันแรก

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์การเมืองในปีหน้า มีการวิเคราะห์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลหาทางลงในหลายเรื่อง นายพิธา กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนทิศทางน่าจะเหมาะสมมากกว่าการหาทางลง เพราะประเทศไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ แต่ขอให้ปรับเปลี่ยนทิศทาง มีเป้าหมาย และมีความเป็นมืออาชีพ ก็จะทำให้สถานการณ์ต่างๆที่ดูแล้วเหมือนร้อนในปีหน้าก็จะเบาบางลงได้

ส่วนการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ ควรให้โอกาสนายกรัฐมนตรีได้ทำงานก่อน ส่วนในอนาคตก็มีการประเมินสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ แต่คงไม่เป็นสาระสำคัญในการแถลงวันนี้

สำหรับกรณีที่มีการประเมินว่านายเศรษฐา ทวีสินไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น นายพิธา กล่าวว่าเห็นตัวอย่างเรื่องที่นายกฯ ออกข้อสั่งการ ที่ไม่พอใจค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากเป็นตน ก็จะไปดูสูตรการคำนวณ นอกจากจะสั่งงานว่าเอาเป้าหมายอย่างไร ก็ต้องส่งคนเข้าไปดูว่ากระบวนการเกิดขึ้นอย่างไร ก็จะไม่มีเซอร์ไพรส์ออกมาในหน้าข่าวหากมีการตามงานภายใน

นายพิธา จึงอยากเสนอแนะนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่สามารถสั่งการลงไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะ การบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกับเอกชน ที่จะต้องมีกระบวนการในการบริหารงาน และให้คนไปติดตามว่าสิ่งที่สั่งการนั้นเป็นไปได้ทางกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะต้องมีการปรับแก้อย่างไร

นายพิธา กล่าวว่าโจทย์หินของรัฐบาล คือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GDP ที่ไม่แน่ใจว่าจะถึง 2% หรือไม่ เรื่องของดิจิตอลวอลเลทที่อยู่ในกฤษฎีกา เรื่องของการท่องเที่ยวที่รายได้ไม่ถึง 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย แม้จะมีคนมาท่องเที่ยว 27 ล้านคนก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดไว้ในระดับ 60% ดังนั้นฟรีวีซ่าตรงนี้ ก็ไม่เพียงพอ คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาล หากฟังประชาชนบ้าง เพื่อนนักการเมืองบ้างว่ามีความจำเป็นว่าจะต้องทำงานแบบมีแผน มีโรดแมป

ส่วนจะให้เวลารัฐบาลทำงานนานแค่ไหนก่อนที่จะมี การยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนั้น นายพิธา กล่าวว่าเรื่องการยื่น 151 จะรอดูว่า หาก พรบ.งบประมาณไม่มีรายละเอียด การยื่นอภิปรายไม่วางใจ น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้าน ก็คงจะยื่นในไตรมาสที่ 1 หรือไตรมาสที่ 2 ขึ้นอยู่กับผลการชี้แจงผ่านนว่าระ พรบ.งบประมาณที่เข้ามาก่อน ก็จะใช้โอกาสนั้น ในการชำแหละเรื่องของงบประมาณ ว่าตรงกับสิ่งที่เสนอไว้ในเรื่องวิสัยทัศน์หรือไม่ รวมถึงการชี้แจงคำถามของทางฝ่ายค้าน หากทำได้ไม่ดี ก็คงจะมีการยื่นอภิปรายไม่วางใจ

ขณะเดียวกันยังติดตามเรื่องการทุจริต การใช้งบประมาณ ก็มีหากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็อาจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลในต้นปีหน้า

นายพิธา ไม่ตอบคำถามว่า มั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์หรือหรือไม่ หลังมีการเปลี่ยนชุดคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าจะยังคงเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน โดยระบุว่า เรามั่นใจในตัวเราไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน พรรคก้าวไกลก็ยังเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศอยู่ดี เป็นพรรคที่มี สส.มากที่สุดอยู่ดี มีประธานกรรมาธิการอยู่หลายคณะ ดังนั้น เราตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะผ่านกรรมาธิการผ่านสภา โดยเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกและทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชน และเรามั่นใจในตัวของเรา มั่นใจในการทำงานของเรา ว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานให้เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนให้สมกับที่พี่น้องประชาชนมอบให้มา

ส่วนที่มองกันว่า ฝ่ายค้านมัวแต่แก้ปัญหาภายในพรรคไม่ได้ทำงานหรือมีผลงานนั้น นายพิธา กล่าวว่า ในส่วนที่มีปัญหาก็ต้องแก้กันไป แต่สิ่งสำคัญจะต้องทำงานตามที่สัญญาไว้กับประชาชน โดยเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่จ้องแต่จะล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ยอมรับว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า สส.หลายคนของพรรคเป็น สส.ส้มหล่น ยังไม่มีผลงานโดดเด่น ซึ่งก็จะพยายามพัฒนาบุคลากรของพรรคให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีที่ นนกุล นายชานน สันตินธรกุล เปิดตัวกับแอฟ ทักษอร แล้วรู้สึกอย่างไร นายพิธาหัวเราะพร้อมกับบอกว่า ยินดีด้วยครับ

Related Posts

Send this to a friend