POLITICS

‘ภูมิธรรม’ เผย ทุกฝ่ายเห็นพ้อง รธน.60 ต้องแก้ เตรียมหาข้อสรุปจำนวนครั้งจัดประชามติกับ กกต.

‘ภูมิธรรม’ เผยบรรยากาศรับฟังความเห็นประชาชนเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายเห็นพ้อง รธน.60 ต้องแก้-มีปัญหา ยอมรับ ‘2 หมวดแรก-ส.ส.ร.-คำถามประชามติ’ ยังเป็นประเด็นเห็นต่าง เตรียมหาข้อสรุปจำนวนครั้งจัดประชามติกับ กกต.

วันนี้ (15 พ.ย. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่าง ในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้นของกลุ่มอาชีพและภาคส่วนต่าง ๆ จากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ณ ตึกสันติไมตรี หลังนอก ทำเนียบรัฐบาล

นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันหลักการในการแก้รัฐธรรมนูญอย่างแน่วแน่ ให้ได้กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกภายใน 4 ปี เพื่อให้มีกติกาใหม่สำหรับการเลือกตั้งใหม่ พร้อมทั้งยืนยันว่า กระบวนการนั้นประกอบด้วยการรับฟังความเห็นจากกลุ่มที่หลากหลายมากที่สุด ทั้ง 35 คน ตลอดจนพรรคการเมือง แม้พรรคก้าวไกลไม่เข้าร่วม ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกลที่รัฐบาลยินดีและยอมรับ และคณะอนุกรรมการฯ ได้ไปรับฟังที่พรรคก้าวไกลแล้ววานนี้ (14 พ.ย. 66)

สำหรับผลการประชุมวันนี้ นายภูมิธรรม ระบุว่า แม้มีความเห็นแตกต่าง แต่บรรยากาศแลกเปลี่ยนความเห็นและความเชื่อไปได้ด้วยดี สำหรับภาพรวมข้อเสนอส่วนใหญ่ในที่ประชุม ได้แก่

1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้แก้ไขทั้งฉบับ รวมถึงหมวด 1-2 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลถือเป็นโอกาสดีที่ได้รับฟังไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตลอดจนได้อธิบายเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเป็นประเด็นที่กระเทือนพระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ ไม่ให้นำมาพูดคุยจนเป็นความขัดแย้งไม่จบสิ้น และอาจทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยาก รัฐบาลจึงยืนยันในหลักการไม่แตะหมวด 1-2 เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้ง แต่จะพิจารณาว่ามีเงื่อนไขอละทางออกในประเด็นที่เห็นต่างกันอย่างชัดเจนนี้อย่างไร โดยไม่กระทบพระราชอำนาจ

2.การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทั้งหมด โดยกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ เสนอให้มีระบบให้กลุ่มดังกล่าวเข้ามาแสดงความเห็นได้ด้วย นอกเหนือจากการเลือกตั้ง

3.ประเด็นคำถามประชามติ ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ โดยเฉพาะเรื่องหมวด 1-2 คณะกรรมการฯ จะรวบรวมไปพิจารณาอีกครั้ง ในฐานะฝ่ายปฏิบัติ ก็จะยึดถือแนวทางศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้อำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของประชาชน จึงจะให้ประชาชนเสนอความเห็นต่อไป

“ทุกคนเห็นว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มีอุปสรรค เป็นปัญหาทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน และคำนึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนไม่เพียงพอ ทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องกับรัฐบาลให้แก้ไขทุกอย่างเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงทุกส่วนในสังคม เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ไม่ควรให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นขัดแย้งขึ้นมาใหม่” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เปิดเผยถึงกระบวนการรับฟังความเห็นว่า คณะอนุกรรมการฯ คาดว่าดำเนินการวันนี้เสร็จสิ้นแล้วในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากนี้ จะมีการรับฟังกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันที่ 20 พ.ย. 66 การรับฟังกลุ่มอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกในวันที่ 23 พ.ย. 66 การรับฟังกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ภาคเหนือในวันที่ 28 พ.ย. 66 และการรับฟังกลุ่มมุสลิมในจังหวัดสงขลา พื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 7 ธ.ค. 66 ถือว่าสิ้นสุดการรับฟังความคิดเห็น

นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า แม้ความคืบหน้าตามปฏิทินดำเนินงานของคณะกรรมการฯ เป็นไปด้วยดีทั้งหมด แต่ยอมรับว่า ประเด็นจำนวนครั้งในการจัดทำประชามติเอง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยเรื่องงบประมาณ จึงอาจพิจารณาในส่วนของคำถามพ่วงร่วมด้วย และคณะกรรมการฯ จะหารือเพื่อศึกษาการประกยัดงบประมาณประชาชนต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat