POLITICS

เครือข่ายรามคำแหง ฯ แถลงคัดค้าน การประชุมเอเปค 2022

เครือข่ายรามคำแหง ฯ แถลงคัดค้าน การประชุมเอเปค 2022 ซัด พล.อ.ประยุทธ์ มาจากการรัฐประหาร ไร้ความชอบธรรม – บริหารล้มเหลว ผูกขาดในทุกๆด้าน และริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ชี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานในการจัดประชุม

วันนี้ (15 พ.ย. 65) ที่ ลานพ่อขุนรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และพรรคศรัทธาธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดแถลงข่าวคัดค้าน การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการจัดประชุมเอเปค 2022 ในวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเรียกร้องให้ยุบสภา และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับประชาชน รวมทั้งปล่อยตัวนักโทษในคดีมาตรา112 และคดีทางการเมืองทั้งหมด

นายนันทพงศ์ ปานมาศ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า เนื่องจากรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ ไร้ความชอบธรรม เป็นผู้นำที่มาจากการทำรัฐประหาร รวมทั้งยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ซึ่งไม่มีความชอบธรรมที่จะได้เป็นประธานในการจัดประชุมเอเปคในครั้งนี้ รวมทั้งการบริหารงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพวกในกระทรวงต่าง ๆ ก็ล้มเหลว ผิดพลาดจนทำให้มีคนเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 และพิษเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

อีกทั้ง การประชุมเอเปคในครั้งนี้ มีผู้นำจากหลายประเทศเข้ามาร่วมประชุม ซึ่งประเทศไทยของเรายังมีสิ่งที่น่าอายคือ รัฐธรรมนูญที่มาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 และยังสืบทอดอำนาจการเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ทั้งนี้เครือข่ายรามคำแหง ฯ ขอสื่อไปถึงผู้นำต่างประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมเอเปคครั้งนี้ว่า ยังมีนักโทษที่ถูกดำเนินคดีจากกฎหมายมาตรา 112 และความเห็นต่างทางการเมืองกับรัฐบาลอยู่ พร้อมยืนยันว่า ทางกลุ่มจะเคลื่อนไหวคู่ขนานการประชุมเอเปค ด้วยการร่วมทุกกิจกรรมที่ออกมาคัดค้านสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำ และการประชุมเอเปคอีกด้วย

ต่อมา เครือข่ายรามคำแหง ฯ อ่านแถลงการณ์เป็น 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และมลายู) เกี่ยวกับการคัดค้านการประชุมเอเปค โดยใจความสำคัญของแถลงการณ์ ระบุว่า การประชุมระดับนานาชาติ เป็นหนึ่งในเครื่องมือของรัฐ เพื่อเติมเต็มประโยชน์ของประชาชน ผู้แทนในการประชุมจึงสมควรเป็นผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนมากกว่าสิ่งอื่นใด เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความชอบธรรม

อย่างไรก็ตาม การประชุมเอเปคในปีนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ กลับมี พล.อ.ประยุทธ์ ผู้นำของประเทศที่มาจากการรัฐประหารเป็นผู้แทน เป็นผู้ซึ่งละเลยเสียงของประชาชน ไม่สามารถบริหารประเทศโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งได้อย่างแท้จริง ข้อเรียกร้องต่างๆ ของประชาชนถูกเพิกเฉย ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและโรคระบาด

นอกจากนี้ ประชาชนที่เห็นต่าง ถูกดำเนินคดีเพื่อปิดปาก มิให้แสดงความคิดเห็นในทางที่รัฐบาลไม่พึงพอใจ ทำให้มีนักโทษการเมืองเป็นจำนวนมาก เปลี่ยนกฎหมายซึ่งควรเป็นเครื่องคุ้มครองประชาชน ให้กลายเป็นเครื่องคุ้มครองตนเอง ฟังแต่เสียงสรรเสริญเชิดชู

นโยบายและกฎหมายของประเทศ ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน มิใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ร่างกฎหมายหลายฉบับอันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประชาชน ซึ่งถูกเสนอเข้าสู่สภา ฯ กลับถูกขัดขวางโดยเหล่าองคาพยพของ ประยุทธ์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ กลับกำหนดนโยบาย และออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนและการสืบทอดอำนาจของตนเอง

น.ส.กัญญารัตน์ บุญรีบส่ง โฆษกเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวต่อว่า จากแถลงการณ์ข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงไร้ซึ่งความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิงในการเป็นประธานการประชุมสุดยอดผู้นำอเปคครั้งนี้ โดยทางกลุ่มมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อหลัก คือ

  1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศ
  2. ยุบสภาฯ เปิดทางให้มีการเลือกตั้ง และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชน และมีความเป็นประชาธิปไตยกว่านี้
  3. รณรงค์แก้ไขมาตรา 112 พร้อมปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองทั้งหมด

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว กลุ่มเครือข่ายรามคำแหง ฯ ได้มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการให้นักกิจกรรมแต่งกายด้วยเสื้อสีดำ เพนท์สีขาวทั้งใบหน้า มีเทปคาดปิดปากไว้ พร้อมห้อยป้ายข้อความภาษาไทย และอังกฤษ เพื่อสื่อสารว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการผูกขาดทุกอย่าง เช่น ประเทศ, ทรัพยากร, การศึกษา, ระบบสาธารณสุข การศึกษา, อากาศสะอาด และสิทธิเสรีภาพ โดยการห้ามประชาชนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ พูดคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้ เปรียบเหมือนทำให้คนไทยต้องตายทั้งเป็น

Related Posts

Send this to a friend