บวรศักดิ์ ชี้ไทม์ไลน์แก้ รธน.ต้องจบก่อน 20 ธ.ค. เพื่อทันประชามติ-ยุบสภา เลือกตั้ง 29 มี.ค. 69
‘บวรศักดิ์‘ แจง ไทม์ไลน์ทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง 29 มี.ค. 69 ชี้ หากใช้ พรป. เดิม สภาต้องผ่านวาระ 3 ภายใน 15-20 ธ.ค. นี้ ส่วนถ้าใช้ พ.ร.บ. ประชามติฉบับใหม่ ต้องผ่านวาระ 3 ภายใน 15 – 19 ม.ค. 69
วันนี้ (15 ต.ค. 68) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
วาระเรื่องด่วน พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ขอใช้สิทธิชี้แจงว่า การอภิปรายของสมาชิกรัฐบาลให้มอบให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสรุปสาระสำคัญอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมาไว้ทุกประเด็นซึ่งจะเป็นประโยชน์ยิ่ง ในการส่งให้คณะกรรมาธิการของรัฐสภาตลอดจน สสร. ในอนาคต เพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนะของรัฐสภาต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง โดยที่ต้องชี้แจงเพราะเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพิ่ม 15 / 1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น เป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลคงเข้ามายุ่งเกี่ยวมิได้ แต่ตอนทำประชามติ กฎหมายกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่าให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อที่จะหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดวันลงประชามติ และกำหนดคำถามที่จะถาม
ด้วยเหตุดังนี้ จึงต้องขอนำเสนอ กำหนดระยะเวลาหรือไทม์ไลน์ที่เกิดจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปี 60 2.พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 และ 3.MOA
กรณีแรก คือกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับปัจจุบัน ยังบังคับใช้อยู่ คือร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติฉบับที่ 2 ที่สภากำลังพิจารณาอยู่ และรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา
รัฐบาลมีการทำเอ็มโอเอ กับพรรคประชาชน ซึ่งจะใช้เวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาโดยเริ่มต้นที่ 1 ตุลาคม โดยจะครบกำหนดในวันที่ 31 มกราคม 2569 และตามรัฐธรรมนูญการเลือกตั้งที่เกิดจากการยุบสภาการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นได้ไม่ก่อน 45 วัน และไม่หลัง 60 วัน โดยเมื่อวิเคราะห์จะได้วันที่เหมาะสมที่สุดคือวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค. 2569 โดยหากย้อนไปดูนั้นในกรอบระยะเวลา 90 วันวันที่ 30 ธ.ค. 2568 จะถือเป็นวันสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรี และ กกต. จะมีการประกาศให้ทำประชามติ ส่วนการผ่านวาระที่สามไม่ควรเกินวันที่ 15 – 20 ธ.ค. 68 มีเวลา 10 วัน เพื่อให้ประธานรัฐสภาส่งให้นายกรัฐมนตรี และ กกต. และให้นำเรื่องมาหารือกัน ดังนั้น หากเป็นแบบนี้จะต้องให้สภาลงมติจาก 3 ร่างมารวมกันให้เป็น 1 ร่างภายในวันที่ 15 – 20 ธ.ค. 68
กรณีที่สอง คือมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 มีการโปรดเกล้าลงมาแล้วซึ่งจะทำให้สภามีเวลามากขึ้นในการจัดทำรัฐธรรมนูญ หากการยุบสภาทำในวันที่ 31 ม.ค. 69 และเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค. 69 เหมือนเดิม ก็จะทำประชามติในวันนั้นซึ่งจะลดระยะเวลาจาก 90 วันหรือ 60 วัน และหากนับย้อนกลับไปจะเป็นวันที่ 29 ม.ค. 69 ที่ประธานสภาจะสามารถแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งเป็นวันที่นายกหารือกับกตจะต้องมีการประกาศให้ทำประชามติ ดังนั้นหากเป็นอย่างนี้รัฐสภาควรจะลงมติในวาระสามให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในช่วงวันที่ 15 – 19 ม.ค. 68












