‘ชูศักดิ์’ ยัน ‘เพื่อไทย’ เดินหน้าแก้ รธน. ก่อนยุบสภา เสนอให้หลายภาคส่วนมีส่วนร่วมยกร่าง
‘ชูศักดิ์’ ยัน ‘เพื่อไทย’ เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ภายใน 4 เดือน ก่อนยุบสภาตาม MOA เผย ร่างเดิมเลือก ส.ส.ร. โดยตรงใช้ไม่ได้ เสนอให้หลายภาคส่วนมีส่วนร่วมยกร่าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
วันนี้ (15 ก.ย. 68) เวลา 13:00 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ขณะนี้มีคณะกรรมการพิเศษเข้ามาดำเนินการ แต่เนื่องจากหลายคนอยู่ต่างจังหวัด จึงได้เชิญคณะกรรมการชุดเล็ก ซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมหารือ เพื่อพิจารณาสาระสำคัญว่าแนวทางการแก้ไขจะครอบคลุมมากน้อยเพียงใด
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจร่วมกันในเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องดำเนินการตาม หมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในสามวาระ โดยในวาระแรกต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และในวาระที่สามต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และ 20% จากฝ่ายค้านด้วย หากไม่สามารถผ่านเกณฑ์นี้ได้ก็ถือว่าไม่สามารถดำเนินการต่อได้
นอกจากนี้ นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถทำได้ แต่ไม่สามารถใช้วิธีเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรงจากประชาชนได้ ซึ่งทำให้ร่างเดิมของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนที่เคยเสนอไว้ในลักษณะดังกล่าวก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยก็เคยได้ออกแถลงการณ์ว่า หากไม่สามารถเลือก ส.ส.ร. โดยตรงได้ ก็อาจใช้วิธีเลือกทางอ้อมแทน เช่น ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ส.ส.ร. หรือแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งตนเองเห็นว่าเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย อาจพิจารณาเปิดให้มีตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วน เข้ามาเป็นกรรมาธิการร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เชื่อมโยงไปยังข้อตกลง MOA (Memorandum of Agreement) ซึ่งระบุว่าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน ทำให้ก่อนถึงการยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต้องแล้วเสร็จ เพราะหากไม่เสร็จจะไม่มีร่างใดนำไปทำประชามติได้ หากยุบสภาก่อนวาระสามผ่าน ถือว่าร่างตกทันที และประชามติก็จะไม่มีเนื้อหาให้พิจารณา ดังนั้นในช่วง 4 เดือนนี้ ต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง โดยในเดือนตุลาคมจะมีการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา และต้องเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันกรอบเวลา ทั้งนี้การทำงานจะต้องทุ่มเทอย่างหนัก เนื่องจากเนื้อหามีความซับซ้อนสูง
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงการทำประชามติ ว่า ยังไม่มีการกำหนดคำถามอย่างเป็นทางการ โดยต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งหากมีคำถามมากกว่าหนึ่งข้อก็ต้องจัดการในลักษณะการลงคะแนนแยกกล่อง พร้อมย้ำว่า กกต. ต้องมีการตรากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนถึงวันลงประชามติ
เมื่อถามถึงความเห็นต่างภายในพรรคเกี่ยวกับการจัดตั้ง ส.ส.ร. โดยเฉพาะข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยที่เสนอให้มีการเลือก ส.ส.ร. ทางอ้อม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่ตนเองเสนอไว้มากนัก เพราะถือเป็นการคัดเลือกกรรมาธิการอีกรูปแบบหนึ่ง โดยอาจเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมเสนอรายชื่อ จากนั้นให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกอีกครั้ง ส่วนแนวทางที่ตนเองเห็นว่าเร็วที่สุดคือ การเขียนรายละเอียดลงไปในกฎหมายตั้งแต่ต้น โดยกำหนดให้มีตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรอิสระ องค์กรตุลาการ หรือหน่วยงานภายใต้การปกครองท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 4 เดือน จะสามารถผ่านวาระสามได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ในช่วงเปิดสมัยประชุมเดือนตุลาคมจะต้องมีการเร่งรัดการประชุมอย่างเต็มที่












