POLITICS

นายกฯ ย้ำ หนุนการค้าชายแดน เร่งขจัดยาเสพติด และ ฝุ่น PM 2.5

‘นายกรัฐมนตรี’ เตรียมเยือนจีน 7-9 ต.ค.นี้ ย้ำกลางที่ประชุมที่เชียงราย หนุนการค้าชายแดน เร่งขจัดยาเสพติด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้านหอการค้าเชียงราย เสนอจัดขนส่งทางน้ำ ไปจีน โดยไม่ต้องผ่านลาว-เมียนมา

วันนี้ (15 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จ.เชียงรายนายกรัฐมนตรี ชื่นชมจังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่สำคัญมากสำหรับจุดทำการค้า เป็นการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ตนเองก็ได้มาเชียงรายหลาย 10 ปี ช่วงหาเสียงก็ไม่ได้มา แต่พอมาก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากกว่าที่คิดไว้

“เชียงรายเป็นจุดการค้าสำคัญที่สุดจุดหนึ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขนถ่ายสินค้าไปในหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว การเกษตร แต่อย่างที่ทราบกันดี เวลามีของดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าหรือการท่องเที่ยว ก็มีแต่ปัญหา ไม่ว่าเป็นเรื่องยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอบายมุขทั้งหลาย ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทางรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว ปัญหาสังคมก็เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งตรงนี้เป็นแค่จุดหนึ่งของปัญหา เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่เราต้องบริหารจัดการให้ดี ตนเองอยากจะขอฟังความคิดเห็นทั้งหมด และหากมีคำตอบจะให้นำไปพิจารณา ก็จะพูดคุยต่อ

ขณะที่หอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวรายงานปัญหา ว่าจังหวัดเชียงรายมีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน มีชายแดนเชื่อมโยงไปยังประเทศจีนตอนใต้ ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศตัวเลขการค้าชายแดนสูงขึ้นทุกปี โตขึ้นกับ 30% ปัญหาอุปสรรค มีปัญหาอุปสรรคที่อยากจะนำเสนอคือ เรื่องการค้าของไทยจีน อยากให้การขนส่งสินค้าทางน้ำระหว่างไทยจีน การขนส่งสินค้าการเกษตร ซึ่งมีเฉพาะทางบก แต่ทางน้ำยังไม่มี หากมีเส้นทางนี้ จะขนส่งสินค้า เช่น ทุเรียน มังคุดไปยังเส้นทางนี้ ช่วยประหยัดเวลา และถูกกว่าการขนส่งผ่านทางท้องถนน ที่สำคัญคือไม่ต้องผ่านประเทศที่สาม คือประเทศลาวและเมียนมา

นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพิจารณาสิทธิพิเศษและสิทธิทางภาษีต่างๆ รวมถึงพิจารณาเรื่องการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว ในช่วงเวลาดังกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟังแล้วจับประเด็นได้ 2-3 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องการลงทุนด้านคมนาคม ซึ่งต้องขอความเห็นใจจากภาคเอกชน เพราะรัฐบาลเองก็มีภาระทางด้านการลงทุน ด้านงบประมาณ แต่แน่นอนว่าตรงนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่ที่ท่านเสนอเรื่องการลงทุนกับภาครัฐ ต้องไปดูว่าตรงไหนที่สามารถเริ่มได้เลย เช่น ถนนไฮเวย์ ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายที่มีอยู่แล้วพอใช้ได้ ก็มองว่าเอาไปลงทุนที่อื่นได้ คิดว่าเรื่องโลจิสติกส์ ภาครัฐเอกชนต้องร่วมกันและตัดสินว่าจะเอาอะไร ไม่ใช่ขอมาทุกอย่าง ยืนยันจริงๆ ว่าไม่สามารถทำได้ เพราะงบประมาณเท่าที่ฟังก็ดูแล้วเยอะอยู่พอสมควร

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนเองอยากจะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ด้วยเหมือนกัน เท่าที่ทราบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็อยากผลักดันเป็นวาระแห่งชาติด้วยเช่นกัน

“จู่ๆ จะไปห้ามเขาปลูกข้าวโพด ปลูกอย่างอื่น มันมีวิธีเชิงลึกที่ทำได้มากกว่านั้นเยอะ ห้ามเขาเผา ห้ามอย่างไร มีอำนาจอะไรไปห้ามเขา เขาอยู่อีกประเทศหนึ่งหรือเปล่า ต้องอาศัยการพูดคุยเจรจาระหว่างประเทศ ต้องพึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ตรงนี้เราตระหนักดี ว่ามีผลกระทบที่ตามมาในช่วงไฮซีซั่น ในช่วงปีหน้านี้ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ ก็หนักหนาอยู่ นักลงทุนก็ยกเลิกการเมื่อเห็นว่า Top 10 ของโลกที่มี PM 2.5 สูงที่สุดอยู่ในภาคเหนือ เรื่องนี้เป็นอะไรที่โกงกันไม่ได้ แต่ก็หวังว่ารัฐบาลของเราจะร่วมกันของทุกๆ หน่วยงานรัฐ ช่วยกันประสานและทำให้ดีขึ้น จะพยายามทำให้ดีขึ้นเร็วๆที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องวีซ่า ที่จะให้มาเปิด visa on arrival ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง คงไม่ก้าวก่ายการปกครองภายในของประเทศนั้น เราผลักดันเรื่องการค้าระหว่างชายแดน ที่ท่านบอกมาว่าการค้าระหว่างชายแดน 7-9 หมื่นล้าน ต่อปี เชื่อว่าหากมีการยกระดับขึ้นไปได้อีกน่าจะถูกกว่านี้ได้อีกเยอะ

“การค้าชายแดนที่นี่มีเรื่องอะไรที่น่าแปลกใจในเชิงบวกเยอะ มีเรื่องอาหารที่ทำจากพืช ซึ่งเป็นการทบทวนระหว่างบริษัทเอกชนกับบริษัท ปตท.จุดขายที่ดีที่สุดยกเว้นกรุงเทพฯคือที่นี่ เพราะมีการค้าระหว่างประเทศ มีคนจากเมียนมา เข้ามาแล้วซื้อออกไปเยอะมาก ผมคิดว่าถ้าสินค้าดีๆ การค้าระหว่างประเทศสูงขึ้นอีกมาก รัฐบาลนี้มีความเชื่อในการผลักดันเศรษฐกิจ ให้โตอย่างยั่งยืนและถาวรผ่านระบบการค้าระหว่างประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

โดยนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะเดินทางไปประเทศจีน ระหว่าง 7-9 ตุลาคมนี้ เชื่อว่านอกจากการค้าแล้ว มีหลายเรื่องที่จะได้พูดคุยกับจีน

Related Posts

Send this to a friend