‘อนุทิน’ ชี้เป็นสไตล์ภูมิใจไทย ปราศรัยหาเสียงศรีสะเกษ เน้นสะท้อนปัญหา
‘อนุทิน’ ชี้เป็นสไตล์ภูมิใจไทย ปราศรัยหาเสียงศรีสะเกษ เน้นสะท้อนปัญหามากกว่าเล่นวาทกรรม ไม่ก้าวล่วงปมคลิปเสียงหลุดนายกฯ
วันนี้ (15 ก.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่าการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมจังหวัดศรีษะเกษของพรรคภูมิใจไทยใช้วิธีการเดิม ๆ เป็นการใช้วาทกรรม เหมือนไม่เคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน
นายอนุทิน ระบุว่ายังไม่ได้ฟัง ต้องฟังเอง ฟังจากผู้สื่อข่าวเกิดมันไม่ตรงกันแล้วไปให้ความเห็นก็จะไม่ดี ตนเองไม่ต้องการไปโต้ตอบ ย้ำว่าการปราศรัยเมื่อวานนี้ไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นการปราศรัยสไตล์พรรคภูมิใจไทยคือ การไปพูดกับพี่น้องประชาชน ไม่ได้พูดถึงคนอื่น ไม่ได้เล่นวาทกรรม เราปราศรัยให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจสถานการณ์และเข้าใจในตัวพรรคภูมิใจไทย ให้ความมั่นใจในตัวผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทยที่จังหวัดศรีสะเกษ
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนเองและผู้ใหญ่ของพรรค จะมีการลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงเรื่อย ๆ เพราะเหลือเวลาอีก 20 กว่าวัน ต้องลงพื้นที่ไปให้กำลังใจ เป็นสังคมพรรคภูมิใจไทย กิจกรรมอะไรก็แล้วแต่มีการส่งผู้สมัครแล้วสมาชิกพรรคภูมิใจไทยจะลงสนับสนุนทุกเรื่อง การให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ควรจะทำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะสะท้อนความนิยมในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาหลังเกิดคลิปเสียงหลุดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จากการดูเสียงตอบรับ เราได้ไปสะท้อนให้กับประชาชนชาวศรีสะเกษให้เห็นว่าเรามีความพร้อมในการที่จะเข้าไปช่วยเขาแก้ปัญหาและเข้าใจปัญหาที่เขาประสบอยู่ โดยเฉพาะปัญหาทุเรียนกิโลกรัมละ 85 บาท รัฐบาลจะต้องเข้ามาแก้ไข รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น ราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำเหลือบาทกว่า ๆ เราแค่ต้องการพยุงราคาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พืชผลทางการเกษตรไหลเข้ามาจากต่างประเทศเพราะจะเป็นการเพิ่มซัพพลายจนราคาเพิ่มขึ้นไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เราไปพูดคุยกับชาวบ้านให้เกิดความมั่นใจว่าหากมี สส.ที่นำเรื่องของชาวบ้านไปร้องเรียนหรือเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการช่วยประชาชน สส.พรรคภูมิใจไทยน่าจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่าที่เป็นมา
ขณะที่ปมคลิปเสียงหลุดของนายกรัฐมนตรี ตนเองไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดกับชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากพูดไปแล้วก็เป็นเรื่องที่สำคัญน้อยกว่าเรื่องปัญหาปากท้องของชาวบ้าน เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม จึงไม่ไปก้าวล่วง












