‘พิชัย’ รับ เศรษฐกิจไทยยังตกต่ำ เผย หนี้ครัวเรือนปัญหาใหญ่
‘พิชัย’ รับ เศรษฐกิจไทยยังตกต่ำ เผย หนี้ครัวเรือนปัญหาใหญ่ สั่ง เร่งแก้ปัญหาหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต หลังตัวเลขหนี้เสียพุ่ง ให้ ธปท.ทบทวน จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จาก 8% มาเหลือ 5% พร้อมปรับดอกเบี้ย กยศ. ผิดนัดชำระ 18% เหลือ 0.5% ตามกฎหมายใหม่
วันนี้ (15 ก.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมหารือคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการหลายข้อ โดยสรุปว่า เศรษฐกิจวันนี้ค่อนข้างตกต่ำ และมีสัญญาณฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน ซึ่งปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือปัญหา หนี้ครัวเรือน, หนี้ธุรกิจขนาดย่อม และหนี้รัฐบาล แต่หนี้ประชาชนสำคัญใหญ่ที่สุด โดยหนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่เกี่ยวกับทางราชการ มี 13.66 ล้านล้านบาท มีหนี้เสีย 1 ล้านล้านกว่าบาท และมีสัญญาณที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อไปดูรายละเอียดแล้วก็คือ หนี้รถยนต์ และหนี้บ้าน ถัดมาคือหนี้บัตรเครดิต และหนี้ใช้จ่ายเพื่อการบริโภค
นายพิชัย กล่าวต่อว่า หนี้บ้าน รัฐบาลมีเครื่องมือคือ สถาบันทางการเงินของรัฐ อย่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ปล่อยหนี้บ้านทั้งหมดประมาณ 34 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ทั้งหมด ซึ่งมีหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายเงินคืน ธอส.ได้กว่า 80,000 ราย จึงต้องทำคลีนิกแก้หนี้ ด้วยการนำลูกหนี้มาพูดคุยกับสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้ เชื่อว่าจะทำให้หนี้เสียลดน้อยลงไป ส่วนหนี้รถยนต์ ซึ่งจะเน้นไปที่รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ซึ่งเตรียมที่จะไปพูดคุยกับบริษัทที่จะยึดรถ
นายพิชัย ระบุว่า หนี้บัตรเครดิต ปัจจุบันมีหนี้บัตรอยู่ 24 ล้านใบ เป็นหนี้เสียไปแล้ว 1,100,000 ใบ และมีโอกาสเป็นหนี้เสียอีก 200,000 ใบ ซึ่งมีอัตราพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องเร่งทำคลินิกแก้หนี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มอบหมาย บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ที่จะมาคอยช่วยประสานงานด้านต่าง ๆ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งบริษัทบัตรเครดิตหลายแห่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายกรัฐมนตรียังกังวล เรื่องเงื่อนไขการผ่อนชำระขั้นต่ำใหม่ของบัตรเครดิต (Minimum Payment) จากเดิม 5 เปอร์เซ็นต์ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสปรับขึ้นอีก จึงให้ผู้แทน ธปท.รับไปพิจารณาด่วน ขอให้ปรับลดกลับไปอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม
นายพิชัย ระบุว่า ที่ประชุมมีการหารือเรื่องหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ที่มีผู้กู้ยืมกว่า 4 ล้านคน ซึ่งจ่ายดอกเบี้ยแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าผิดนัดชำระดอกเบี้ยจะกลายเป็น 18 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้ที่ติดหนี้ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นได้ และยังเป็นปัญหากับผู้ค้ำประกัน ซึ่งบางคนอายุ 40 กว่าปีแล้ว ยังติดหนี้ กยศ.อยู่ จึงสั่งการให้กองทุน กยศ.ไปปรับตัวเลขใหม่ เพราะกฎหมายอัตราดอกเบี้ยใหม่คิดค่าผิดนัดช้ำระแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ และให้คิดย้อนหลังตั้งแต่กู้ ซึ่งพบว่ามี 170,000 คนที่จ่ายเกิน จะต้องคืนเงินให้จำนวน 2,100 ล้านบาท และมีอีกประมาณ 2 ล้านกว่าคนที่ยังติดหนี้อยู่ แต่หนี้สูงเกินไป เพราะใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม จะลดหนี้ได้อีก 54,000 พันล้านบาท โดยให้ไปดูข้อมูลที่สถานศึกษาที่กู้แล้วทำสัญญาใหม่ ทำให้ภาระของผู้ค้ำประกันหมดไปทันที เพราะจะมีการคำนวณใหม่ ซึ่งรวมแล้วจะช่วยลดหนี้ได้ 56,000 ล้านบาท รวมแล้วช่วยลูกหนี้ กยศ. 2.8 ล้านคน