POLITICS

‘อนุทิน’ ไม่หวั่น 23 ว่าที่ ส.ส.พรรคถูกชะลอการรับรอง เชื่อหักล้างได้

‘อนุทิน’ ไม่หวั่น 23 ว่าที่ ส.ส.พรรคถูกชะลอการรับรอง เชื่อหาเหตุผลมาหักล้างได้ ลั่น ไม่มีพรายกะซิบเปลี่ยนสูตรตั้งรัฐบาล ยัน ยังให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่ง

วันนี้ (15 มิ.ย. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความเห็นต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หากการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นช้าว่า ตนเองมองว่ายังไม่ช้าเนื่องจากทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ จริงๆ แล้วขั้นตอนการรับรองสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ก็ทยอยออกมาแล้ว โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็ใช้ระยะเวลาเกือบ 60 วัน แต่ปีนี้ใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวเอง

ส่วนได้มีการตรวจสอบรายชื่อการรับรอง ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ เนื่องจากมีการประกาศออกมาว่าจะยังไม่มีการรับรองในส่วนของพรรค 23 ราย เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน นายอนุทินระบุว่า การที่มีชื่อของพรรคภูมิใจไทยถึง 23 คนในทำนองนี้ อาจเกิดจากมีการร้องเรียนของประชาชนใช่หรือไม่ แต่ทางพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ไปร้องเรียนใคร เนื่องจากจะทำให้เสียเวลามากยิ่งขึ้น เรามองว่าทั้ง 23 คนจะต้องไปหาหลักฐาน เพื่อลบล้างข้อกล่าวหาต่างๆ ส่วนหากการดำเนินการของเขา มาปรึกษาหารือในเรื่องของข้อกฎหมาย หรือให้เตรียมหลักฐานที่จะต้องไปชี้แจง ทางพรรคก็มีฝ่ายกฎหมายที่จะประสานงานและให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีหากมีปัญหาในเรื่องของตัวบุคคลจะกระทบต่อการโหวตเลือกหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อน ตอนนี้ขอให้แต่ละขั้นตอนเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะเราก็รอการรับรอง ส.ส.ของ กกต.อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่มีทางตันหรอกทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้มาตลอด

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะมีการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีแข่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอดูก่อนว่ามี ส.ส. ที่ กกต.รับรองจำนวนกี่คน ก็ถามต่อว่ามีใครในใจที่จะโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ถ้ามีในใจแล้วจะมาบอกสื่อมวลชนทำไม

เมื่อถามว่าหากมองดู สถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่เนื่องจากมีการงัดข้อกฎหมายมาเป็นประเด็นกันในขณะนี้ นายอนุทินระบุว่ายังหรอก เพราะแต่ละพรรคต้องดำเนินการตามแนวทางของพรรคตัวเอง แต่พรรคภูมิใจไทยดีหน่อยที่เราไม่ไปยุ่งกับพรรคคนอื่น และทุกอย่างก็ได้ทำตามที่แจ้งกับประชาชนไว้ว่าแนวทางของพรรคนั้นเป็นอย่างไร

“เรายังยืนยันว่า พรรคที่ 1 ก็ควรจะเป็นผู้ที่ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลไป พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคลำดับที่ 3 ก็ต้องไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหาหรืออุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล ของพรรคที่มี ส.ส.มากกว่าเรา”

เมื่อถามย้ำว่านายอนุทิน ก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยเหมือนกัน นายอนุทินกล่าวว่าหากเป็นพรรคลำดับที่ 1 ก็ค่อยคิด แต่มาเป็นลำดับที่ 3 ก็ไม่ค่อยคิดหรอก

ส่วนระหว่างนี้ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยบ้างหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าไม่ได้คุยเลย และตนก็ไม่ได้คุยกับใครเลย รวมถึงเขาก็ไม่ได้คุยกับเรา ต่างคนต่างอยู่ตอนนี้

เมื่อถามถึงกระแสพรายกระซิบว่าจะมีการเปลี่ยนสูตรในการจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทินถามกลับว่าแล้วพรายเห็นหรือเปล่า แต่มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวหนึ่ง เดินทางไปพร้อมกับตนเองที่ประเทศอังกฤษ ก็เห็นว่าตนไม่ได้มีการพูดคุยดีลลับอะไร นอกจากการทักทายกันตามปกติและตามมารยาท ฉะนั้นเราต้องดูความเป็นจริงด้วยว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะโทรไปหาคนโน้นคนนี้ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้มาเป็นพรรคในลำดับที่ 1 ต้องรอทุกอย่างให้มันดำเนินไปว่าสถานการณ์จะราบรื่นอย่างนี้ไปตลอด จนถึงขั้นตอนการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พร้อมกับระบุว่า ถ้าเป็น เราก็อย่าไปเป็นอุปสรรคให้เขา เพราะประเทศมันควรจะมีรัฐบาลต่อเนื่องตลอดเวลา

ส่วนหากสถานการณ์ยืดเยื้อเช่นนี้จะส่งผลกระทบกับด้านใดบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า มันยังไม่ยืดเยื้ออะไร ทุกอย่างยังคงเดินหน้าไป วันนี้ กกต.ก็เริ่มทยอยแจ้งมาว่าติดขัดอะไร เพราะฉะนั้นดูแนวโน้มมันก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เขาเซ็ตเอาไว้

เมื่อถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติคนที่จะมาเป็น ส.ส.ตามมาตรา 72 ภายหลังจากที่ กกต.มีการรับรอง นายอนุทิน กล่าวว่าก็ขึ้นอยู่กับหลักฐาน และข้อกล่าวหาต่างๆ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็ดูแลในส่วนของเรา แต่ถ้าหากใครทำผิดกฎหมายอย่างโจ๋งครึ่มจนก่อความเดือดร้อนต่อสาธารณะ เราก็จะต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่หากอยู่ดีๆ แล้วไปมีการแต่งเติมขึ้นมาตนขอยืนยันว่าไม่มี เพราะพรรคภูมิใจไทยนั้นทำไม่เป็น เพราะเราคำนึงถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเป็นหลัก แต่เรื่องส่วนตัวมันก็จะลำบาก เพราะมันจะต้องไปแต่งเติมเสริมแต่ง อะไรเยอะแยะไปหมด

ส่วนเป็นห่วงกองเชียร์ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ควรใช้เหตุใช้ผลและบ้านเมืองเป็นหลัก ก็ถ้าบ้านเมืองไม่สงบมันก็จะไม่กระทบเฉพาะคนที่อยู่แต่ในสภาฯ แต่มันจะกระทบกับระบบเศรษฐกิจ การจ้างงาน การลงทุน การท่องเที่ยว รวมไปถึงสาธารณประโยชน์ต่างๆ ฉะนั้นเราเป็นผู้แทนเข้ามาอาสาทำงานให้กับประชาชน เราก็ควรที่จะคำนึงถึงสาธารณประโยชน์สิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งพรรคภูมิใจไทยคิดแบบนี้จึงไม่ค่อยมี การกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดอุปสรรค

Related Posts

Send this to a friend