POLITICS

สภากลาโหม ไฟเขียวบรรจุข้าราชการพลเรือน ‘สุทิน’ ยันไม่กระทบกำลังพลเดิม ไม่เกี่ยวกำลังรบ

’สุทิน‘ นั่งหัวโต๊ะประชุมสภากลาโหม นอกสถานที่ครั้งแรก ดัน ข้าราชการพลเรือน เข้าสายงานที่ไม่กระทบต่อกำลังพลเดิม พร้อมเตรียมชี้แจงงบประมาณของภารกิจกองทัพ เผย เตรียมคุยกองทัพเรือ ปมเรือดำน้ำ ให้จบก่อนเข้าที่ประชุม ครม.

วันนี้ (15 ม.ค. 67) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 1/2567 โดยระบุว่า วันนี้เป็นการประชุมสภากลาโหมนอกสถานที่ครั้งแรก ซึ่งได้พูดคุยกับทีมนโยบายว่า ควรถือโอกาสเยี่ยมเยือนในเหล่าทัพ และถือโอกาสประชุมสภากลาโหม โดยกองทัพไทย เป็นที่แรก และจะเวียนไปหน่วยงานอีกที่นอกกระทรวงกลาโหม

โดยเรื่องแรกที่คุยกันในวันนี้ คือ ระเบียบกำหนดตำแหน่งคุณสมบัติตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในกลาโหม ซึ่งจะมีข้าราชการหลายตำแหน่งที่ไม่ต้องมียศ ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม และสภากลาโหมเห็นชอบ โดยจะให้เจ้าตัวเป็นผู้เลือกว่าจะอยู่แบบเดิม หรือเป็นข้าราชการใหม่ พร้อมนำร่องใช้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่นต่อไป ตำแหน่งที่จะเริ่มรับ เช่น สายการข่าว, สารบรรณ, สาธารณสุข, แพทย์ และพยาบาล ซึ่งจะไม่กระทบกำลังเดิม และไม่เกี่ยวกับกำลังรบ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีเรื่องของการเตรียมชี้แจงงบประมาณ เกี่ยวกับภารกิจของกองทัพ เช่นการช่วยเหลืออุทกภัยภาคใต้, ปัญหา PM 2.5 และปัญหาไฟป่า

ส่วนเรื่องการปรับลดตำแหน่งนายพลนั้น นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะแผนการรบเป็นที่ทราบกันดี แต่มีเรื่องใหม่เข้ามา เช่น การเออร์รี่รีไทด์ ซึ่งการประชุมคราวหน้าจะมีการเสนอ คาดว่าจะได้ผลสรุปในการประชุมครั้งหน้า

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องจำนวนต้องกำกับควบคุมให้ลดลง แต่ที่สำคัญ ต้นทุนในการผลิต อัพสกิล หรือการรีสกิล หากเอามาเป็นทหารจะต้องใช้งบต่อตัวบุคคลสูง และสวัสดิการจะใกล้เคียงทหาร ซึ่งในปีหน้าจะเริ่มเห็นงบประมาณกำลังพลลดลง จะเป็นไปตามขั้นตอน เพื่อให้กองทัพยังคงแข็งแรงอยู่

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเรื่องเรือดำน้ำ นายสุทิน ยอมรับว่า ได้อ่านเอกสารอัยการสูงสุดแล้ว ซึ่งจะมีการหารือกับกองทัพเรือ ในเร็วๆ นี้ เพราะสุดท้ายต้องจบที่ มติ ครม. ซึ่งจะต้องหารือกันให้แล้วเสร็จสิ้นก่อนเรื่องจะเข้าที่ประชุม ครม. โดยยังคงยึด 3 หลัก คือ รับฟังความคิดเห็น และความต้องการของกองทัพเรือ, ผลประโยชน์ของประเทศ ต้องไม่เสียหาย และไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ นายสุทิน ยังพูดถึงเรื่องแก้ปัญหา PM 2.5 ด้วยว่า เชื่อปีนี้จะทำได้ดี โดยจะหารือร่วมกัน 3 ประเทศ ไทย, ลาว, พม่า ซึ่งปีนี้เราทำนานกว่าทุกปี และกองทัพภาค 3 ได้ตั้งศูนย์อำนวยการเรื่องนี้ด้วย ปีต่อไปอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการกับ PM 2.5 ซึ่งตอนนี้ยังคงใช้กำลังคนอยู่ และจะมีการให้ไปดูงานหลายประเทศ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย อาจจะมีระเบิด หรือโดรน เข้าไปสู้กับฝุ่นแทนคนมากขึ้น ซึ่งปัญหาเรื่องฝุ่น นายกรัฐมนตรีกำชับมาอยู่แล้ว

Related Posts

Send this to a friend