‘เท้ง’ ขีดเส้นรัฐบาล ‘อนุทิน’ เปิดสภาฯ สมัยวิสามัญแก้ รธน.ก่อน 12 ธ.ค.นี้
‘เท้ง’ ขีดเส้นรัฐบาล ‘อนุทิน’ เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญแก้ รธน.ก่อน 12 ธ.ค.นี้ หากไม่ทำพร้อมยื่นซักฟอก รับนัดคุย ‘จุลพันธ์’ จริง ขอดูเหตุผล ‘เพื่อไทย’ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมโหวตหากถกปมรัฐมนตรีสีเทา
วันนี้ (14 พ.ย. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงแนวทางการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชน โดยระบุว่า ขอย้ำจุดยืนของพรรคประชาชนอีกครั้ง คือกรอบในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชน ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ก่อนการเปิดประชุมสภาฯ สมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และหลังจากวาระ 2 แล้วต้องเว้นวรรคไปอีก 15 วัน เพื่อให้สามารถผ่านวาระ 3 ได้ภายในสิ้นปีนี้ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะสามารถมีมติ และยุบสภาได้ภายใน ม.ค.นี้ ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ได้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญก่อนวันที่ 12 ธันวาคมนี้ พรรคประชาชนก็จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที” นายณัฐพงษ์กล่าว
สำหรับกรณีที่นายณัฐพงษ์นัดหมายหารือกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั้น นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า มีการติดต่อและนัดพูดคุยกันจริง แต่เนื้อหาจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลักมากกว่า เพราะในชั้นกรรมาธิการขณะนี้ รวมถึงการจะผ่านวาระของและ 3 ในที่ประชุมรัฐสภา พรรคเพื่อไทยก็เป็นส่วนสำคัญให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เดินหน้าไปได้
ส่วนเรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค เพราะพรรคเพื่อไทยเองก็มีจำนวน สส. เพียงพอ ไม่มีเหตุใดที่จะต้องมาขออนุญาตจากพรรคประชาชนก่อน เพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่อย่างใด แต่หากดูตามกรอบเวลาที่เป็นจริง หากไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญก่อนการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หรือถ้ารัฐบาลล้มกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการทำผิด MOA เราก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว
“นับเวลาที่เหลือจากวันนี้จนถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ก็เหลือเวลาอีกไม่นาน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เราต้องรีบเร่งยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เว้นแต่เป็นเหตุผลทางการเมืองที่จะยื่นอภิปรายเพื่อหวังผลอะไรหรือไม่ เช่นหวังการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมจะไปตอบแทนพรรคอื่น ๆ ไม่ได้” นายณัฐพงษ์กล่าว
ส่วนรัฐบาลมีปัญหาร้ายแรงที่ต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ระบุว่า ปัญหาเรื่องทุนเทาและสแกมเมอร์ เราก็จับตาดูมาโดยตลอด รวมถึงการจัดการปัญหาชายแดนด้วย จริงๆ พรรคประชาชนเราตรวจสอบติดตามอย่างเข้มข้นมาตลอด ทั้งในกรรมาธิการต่าง ๆ ยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่ได้เอารัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันที่พร้อมจะแลกกับความเสียหายทุกเรื่องของประเทศ แต่เราต้องประเมินชั่งน้ำหนักทุกส่วนอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและปัญหาที่อาจเกิดความเสียหายซึ่งไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้อีก
“เส้นตายที่พรรคประชาชนมอบให้ คือการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ถ้ามีปัญหาไหนที่ทั้งสื่อมวลชนและประชาชน เห็นว่าหากไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนนี้ทันที ปัญหาจะเกินเยียวยาแก้ไขสร้างความเสียหายกับประเทศอย่างไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เราก็ยินดีใช้กลไกต่างๆ ของสภาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลแสดงความพร้อมเปิดประชุมสมัยวิสามัญในวันที่ 11 ธ.ค.68 ก็ยังรับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ และสามารถผ่านวาระ 2 ในรัฐสภาได้ทัน ซึ่งต้องเว้นวรรค 15 วันก่อนพิจารณาวาระ 3 รอบต่อไปก็คือต้องพิจารณาวาระ 3 ให้ทันก่อนสิ้นปี ถ้าอยู่ในกรอบเวลานี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนจะมีแนวทางลงมติอย่างไร นายณัฐพงษ์ระบุว่า ต้องตอบ ณ ตอนนี้ว่า ขอดูเนื้อหาหลักการ ว่าอภิปรายเรื่องอะไร ยกตัวอย่าง ถ้าซักฟอกเรื่องรัฐมนตรีสีเทา ดูเนื้อหาว่ากันเป็นรายบุคคล พรรคประชาชนก็พร้อมลงมติเป็นรายบุคคลเช่นเดียวกัน แต่หากเป็นการอภิปรายเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ที่จะทำให้รัฐบาลชุดหน้ามีเสถียรภาพมากเพียงพอ เราก็ต้องมาพิจารณาอีกทีหนึ่ง ว่าเหตุผลในการยื่นอภิปรายของพรรคเพื่อไทย มีเหตุและผลพอสมควรหรือไม่












