‘พิพัฒน์’ เสนอเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรเป็น 3 พันบาท/เดือน สร้างแรงจูงใจให้มีบุตรเพิ่ม
‘พิพัฒน์’ เสนอเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 1,000 เป็น 3,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 7 ปี สร้างแรงจูงใจให้แรงงานไทยมีบุตรเพิ่ม แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนในอนาคต ที่ไทยเข้าสังคมผู้สูงอายุ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงแนวคิดการให้เงินสงเคราะห์บุตรว่า การสงเคราะห์บุตร ของสำนักงานกองทุนประกันสังคม ก่อนหน้านี้ให้ 800 บาทต่อเดือน แต่ในปี 2568 ให้เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนประกันสังคม (บอร์ด) เรียบร้อยแล้ว และส่วนตัวต้องการจะเพิ่มแรงจูงใจในการให้ผู้ใช้แรงงาน ตามมาตรา 33 มีบุตรเพิ่มอีก
“ฝากให้ท่านปลัดกระทรวงแรงงาน นําเข้าไปหารือกับบอร์ดประกันสังคม ใครที่เป็นผู้ใช้แรงงานตามมาตรา 33 เมื่อคุณมีบุตรเพิ่มขึ้น และไปเลี้ยงดูในชนบท หรือในต่างจังหวัดเราจะให้ค่าสงเคราะห์บุตร จากเดือนละ 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็นเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 7 ปี” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประกันสังคมจะต้องควักเงินอีกก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่เป็นการสร้างความถาวรให้กับแรงงานไทยโดยการเพิ่มประชากรคนไทย ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตมากกว่าคนที่เกิดใหม่ จึงคิดว่าประกันสังคมต้องสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกันตนว่าถ้าสามารถกําเนิดบุตรเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ค่าเลี้ยงดูบุตรจะให้เพิ่มจาก 1,000 บาทต่อเดือน เป็น 3,000 บาทต่อเดือน อยากจะเชิญชวนให้ผู้ใช้แรงงานได้มีบุตรเพิ่มขึ้น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับแรงงานของประเทศไทย
นายพิพัฒน์ กล่าวถึงเหตุผลที่มาตรการต้องส่งบุตรไปเลี้ยงในชนบทว่า สังคมชนบทต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรถูกกว่า ต้องสร้างจากชนบทกลับเข้ามาสู่เมือง เราพยายามรณรงค์ให้สังคมชนบทเข้ามาสู่เมืองโดยผ่านผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งอยู่ทํางานในเมือง แต่ขอให้มีบุตรและนําบุตรไปให้ปู่ย่า หรือตายาย เลี้ยงในสังคมชนบท จะได้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรทันที
นายพิพัฒ์ กล่าวว่า การเสนอนี้เป็นเพียงแนวความคิด ซึ่งจะขายความคิดผ่านสื่อมวลชนเป็นเบื้องต้น และจะนําเข้าสู่บอร์ดประกันสังคมต่อไป ส่วนตัวไม่มีอํานาจ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปประชุมในบอร์ดประกันสังคม เป็นหน้าที่ประธานบอร์ด โดยปลัดกระทรวงแรงงาน จึงทําได้อย่างเดียวคือเอานโยบายฝากให้ปลัดกระทรวงไปหารือว่าเป็นไปได้หรือไม่