POLITICS

ร่วมถอดบทเรียน การต่อสู้ และการรัฐประหาร จากเหตุการณ์ 14 ตุลา

ชลน่าน- พรรณิการ์-สุชัชวีร์ ร่วมถอดบทเรียน การต่อสู้ ความรุนแรง และการรัฐประหาร จากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

วันนี้ (14 ต.ค. 65) ผู้สื่อข่าว The Reporters ร่วมพูดคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.พรรณิการ์ วานิช จากคณะก้าวหน้า และนาย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณศักดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับบทเรียนจากเหตุการณ์การต่อสู้ของประชาชน ในวันที่ 14 ตุลาคม ปี2516 หรือ วันมหาวิปโยค และมุมมองต่อการทำรัฐประหาร

นพ.ชลน่าน ระบุว่า บทเรียนที่สำคัญจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 คือเราได้ชัยชนะแต่ไม่สามารถรักษาชัยชนะ ให้ประชาธิปไตยเบ่งบานได้ นพ.ชลน่านยังมองว่า ปัจจุบันนี้หากคู่ต่อสู้เรายังเป็นอำนาจรัฐฯ ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่หนักมากโดยเฉพาะอำนาจจากปลายกระบอกปืน ดังนั้นประชาชนมือเปล่าต้องปรับกระบวนการการต่อสู้ให้ไปอยู่ในคูหาเลือกตั้ง เรียกร้องให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิ และหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้

ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณศักดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า วันนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรจะลืม และการเมืองในวันนั้นเข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตย มองบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์นี้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ได้มาด้วยการรวมตัวของประชาชนจริงๆ ย้ำความรุนแรงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม

นอกจากนี้ ดร.สุชัชวีร์ ยังไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ไม่มีใครอยากใ้ห้เกิดขึ้นอีกและไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก และอยากส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ 14 ตุลา ให้มากขึ้น

ด้าน นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า มองว่า 14 ตุลาเป็นบทเรียนที่ได้ทั้งความชนะและความพ่ายแพ้ในเวลาเดียวกัน แม้สุดท้ายเผด็จการจะออกไป แต่ก็วนกลับมาจึงนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ดังนั้นชัยชนะที่แลกมาด้วยซากศพของผู้ร่วมทาง ไม่ใช่เพียงการไล่รัฐบาลหรือนายกที่ไม่ชอบ แต่ต้องปฏิรูปโครงสร้างสถาบันเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

เมื่อถามถึงกระแสที่จะมีการรัฐประหาร น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า เห็นได้ชัดว่าประชาชนพร้อมและรู้ว่าจะเลือกใคร แต่ชนชั้นนำไม่ปล่อยให้ประชาชนเลือก จึงเป็นเหตุว่าเมื่อจะถึงเลือกตั้งจะเกิดกระแสรัฐประหาร

“เพราะชนชั้นนำรู้ว่าหากปล่อยให้ประชาชนเลือกตามเจตจำนงของตัวเอง พวกเขาไม่มีวันที่พวกเขาจะได้อยู่ในอำนาจต่อ หากประชาชนยอมให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกประเทศนี้คงจะสิ้นหวังเกินไป” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

ทั้งนี้ในวันที่ 15 ต.ค. พรรคก้าวไกลจะเปิดนโยบายด้านการเมือง หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของการยุติวงจรรัฐประหารด้วย ไม่ใช้เพียงการเอาตัวผู้ก่อรัฐประหารมาลงโทษแต่เป็นการเอาทหารออกจากการเมืองอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญคือการลงนาม ICC หรือศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าหากกระบวนการยุติธรรมภายในเอาผิดไม่ได้ แต่กระบวนการยุติธรรมภายนอกเอาผิดได้ และ ICC สามารถเอาผิดย้อนหลังได้

Related Posts

Send this to a friend