POLITICS

‘ชัยวุฒิ’ เร่งศึกษากฎหมาย หวังดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้าระบบ ส่วนตัวมองเป็นเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน 67 ประเทศทั่วโลกยอมรับ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และกลุ่มผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า ถึงแนวทางผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นสินค้าที่จำหน่ายได้ตามกฎหมาย

ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และกลุ่มผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า สนับสนุน รมว.ดีอีเอส ผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย เเก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าและช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบมีช่องทางรายได้ใหม่จากการป้อนผลผลิตให้โรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องดังกล่าว วันนี้ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย ตัวแทนกลุ่ม ECST ผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า และแอดมินเพจเฟซบุ๊กมนุษย์ควัน ได้เดินทางมาเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหารือเพื่อเรียกร้อง ให้ ผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นสินค้าที่จำหน่ายได้ตามกฎหมาย

นายชัยวุฒิ ระบุว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมาย เพื่อดึงบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเห็นว่าหากทำให้เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายได้ จะสามารถลดอันตรายให้กับผู้สูบ เพราะบางคนไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้แม้จะมีการรณรงค์เรื่องนี้มาต่อเนื่องก็ตาม โดยปัจจุบันยังมีจำนวนผู้สูบบุหรี่อีกเกือบ 10 ล้านคนทั่วประเทศ

สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย นายชัยวุฒิ บอกว่า โดยส่วนตัวมองว่าเครื่องยาสูบที่เป็นไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน 67 ประเทศทั่วโลกต่างยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน หรือแต่มาเลเซีย เพราะถือว่ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันโรงงานยาสูบและผู้ปลูกยาสูบเองมีรายได้ลดลง เนื่องจากคนนิยมไปสูบบุหรี่นำเข้า หรือบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้า จึงเห้นว่า หากสามารถเอายาสูบที่ปลูกในประเทศมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ จะช่วยแก้ปัญหาให้กับโรงงานยาสูบและเกษตรกรได้ด้วย

นายชัยวุฒิ ยังย้ำว่า การดึงสินค้าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบ เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ขึ้นอยู่ที่ว่าประเทศไทยและผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องจะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้ว หากไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยี ก็จะเกิดปัญหาภายในประเทศและเกิดความเสียหายในอนาคตได้ ทั้งเรื่องการลักลอบจำหน่าย การสูญเสียรายได้จากภาษีไม่ต่ำกว่าปีละ 6,000 ล้าน การสูญเสียโอกาสและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบไทย

Related Posts

Send this to a friend