POLITICS

นายกฯ ดูแลทั้งความมั่นคง-การคลังเอง เพราะเป็นเรื่องสำคัญ

ชี้ เตรียมแบ่งตำแหน่งรองนายกฯ ให้เหมาะสม ขออย่าจับผิดเป็นโควตาพรรคการเมือง ฝ่ายไหน

วันนี้ (14 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนเข้าประชุมพิจารณาทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2567 ถึงกรณีที่รัฐบาล เตรียมดำเนินการยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน ว่า ต้องปรึกษาสำนักงานคณะกฤษฎีกา ว่ามีคำสั่งไหนที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิต ต้องยกเลิกไป ถ้ายกเลิกไม่ได้ก็ต้องนำเข้า ที่ประชุม ครม. ใหม่ ตอนนี้เป็นการพูดคร่าว ๆ ซึ่งต้องไม่ขัดกับหลักนิติธรรมโดยรวมในการบริหารจัดการประเทศ

ส่วนจะให้รองนายกรัฐมนตรี มาดูเรื่องกฎหมายเป็นการเฉพาะหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องกลับไปปรับปรุง แล้วจะแจ้งมาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะขณะนี้ยังไม่ครบทั้งหมด จึงยังไม่รีบแถลง เข้าใจว่าประชาชนอยากทราบเรื่องที่รัฐบาลทำอยู่ อะไรที่ยังไม่ครบ 100% ก็อาจยังไม่แถลง หากมีรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายมาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นายเศรษฐา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลด้านความมั่นคงเอง ซึ่งเรื่องความมั่นคงมีทั้งมิติภายในและภายนอก อธิปไตยของประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาด้านการค้า เราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มากแต่มีความภาคภูมิใจในเอกราช ที่มีมาโดยตลอด แต่เราอยู่บนโลกที่มีความขัดแย้งสูง ดังนั้น การเดินทางไปต่างประเทศ มีการพบปะพูดคุยกับผู้นำระดับประเทศ ในการประชุมสหประชาชาติ เป็นมิติของความมั่นคง ภายนอก

“ต้องพยายามลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนให้มีการสื่อสารที่ดีขึ้น และต้องมีกิจกรรมที่ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน การสมัครใจเกณฑ์ทหารบางส่วน นำพื้นที่ของทหารมาแบ่งสรรให้ประชาชนทำกิน และการนำกำลังทหารมาช่วยแก้ปัญหาภัยพิบัติ” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา ระบุว่า การที่นายกรัฐมนตรีดูแลทั้งด้านการคลังและด้านความมั่นคงเอง เป็นเรื่องที่ต้องทำ และสมควรจะทำ โดยต้องดูแลให้ครบทุกมิติ ถือเป็นภารกิจที่หนักหน่วง แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องทำต่อไป

ส่วนการตั้งคณะกรรมการ Soft Power ที่ปรากฏชื่อของบุคคลสำคัญหลายฝ่ายมานั่งเป็นคณะกรรมการ รวมถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ด้วยนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า พยายามนำบุคคลจากทุกภาคส่วน ที่ทางรัฐบาลเชิญเข้ามาเพื่อผลักดันให้ Soft Power ผลักดันให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

ส่วนการแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลด้านการเกษตรควบคู่ด้วย แทนที่จะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับพรรคพลังประชารัฐซึ่งกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ ขณะที่รองนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น ก็ได้ดูแล ด้านที่สอดคล้องกับกระทรวงในโควต้าของพรรคการเมืองนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าดูเรื่องโควตาของพรรคการเมือง เพราะได้พูดตั้งแต่วันแรกว่า แม้รัฐบาลนี้จะมี 11 พรรคการเมือง แต่ก็เป็นรัฐบาลของประชาชน

“อย่าดูว่าเป็นซีกไหน คุ้มไหน ฝ่ายไหน ใครดูแลใคร คิดว่าเป็นการดูแลที่ถูกฝาถูกคน เพราะ นายภูมิธรรม เอง ก็ดูแลด้านพาณิชย์ และการเกษตรควบคู่กัน เป็นการเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าไม่มีเรื่องความขัดแย้ง” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนจะมีเกณฑ์ชี้วัด หรือ KPI วัดผลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นอย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด เพราะหากพูดไปแล้วจะมีคำถามเยอะกว่าคำตอบ ขอไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงก่อน และหากมีแผนงานระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว จะรายงานให้ทราบอีกที แต่ขอให้สบายใจ เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

Related Posts

Send this to a friend