รัฐสภาไทย ออกแถลงการณ์ตอบโต้ รัฐสภากัมพูชาบิดเบือน ยั่วยุสถานการณ์ชายแดน
รัฐสภาไทย ออกแถลงการณ์ตอบโต้ รัฐสภากัมพูชาบิดเบือน ยั่วยุสถานการณ์ชายแดน ลั่นเตรียมนำข้อมูลการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลสู่เวทีโลก
รัฐสภาไทยออกแถลงการณ์ตอบโต้รัฐสภากัมพูชา ระบุถ้อยแถลงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเนื้อหาที่ “เข้าใจผิด บิดเบือน และยั่วยุ” ไม่สะท้อนเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดบริเวณชายแดน พร้อมยืนยันสิทธิ์อันชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตย และเตรียมนำหลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่พิพาทเข้าสู่เวทีระหว่างประเทศ
โดยแถลงการณ์ของรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทยระบุว่า
รัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทยมีความห่วงกังวลต่อถ้อยแถลงของรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีถ้อยความบางส่วนที่แสดงถึงความเข้าใจที่ผิดพลาด บิดเบือน ยั่วยุ และไม่สะท้อนถึงความมุ่งหวังที่ดีของรัฐสภากัมพูชาต่อข้อตกลงหยุดยิงและการทุเลาสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบัน ถ้อยคำของพลโท บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เป็นการกล่าวถึงการบริหารจัดการภายในประเทศตามกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตยและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่ใช้กำลัง
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ของประธานรัฐสภาและคณะเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปกป้องอธิปไตยของไทยและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงและภัยคุกคามที่สามารถยับยั้งและหลีกเลี่ยงได้หากอีกฝ่ายตระหนักถึงความถูกต้องชอบธรรมและหลักมนุษยธรรม
รัฐสภาไทยยังคงสนับสนุนและย้ำในจุดยืนเดิมของประเทศไทยในการที่จะรักษาอธิปไตย รวมถึงสิทธิ์อันชอบธรรมในการตอบโต้อย่างเหมาะสม โดยจำกัดเป้าหมาย ที่จะไม่กระทบกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตามหลักสากลโดยเฉพาะกรณีข้อสงสัยต่อการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งมีปรากฏหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ในพื้นที่พิพาท รัฐสภาไทยเปิดกว้างที่จะใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงให้นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศภาคีสมาชิกฯ ได้รับทราบถึงความเลวร้ายที่ยังคงมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและร่างกายของพลเรือน และบั่นทอนสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นที่จะใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและความขัดแย้งด้วยความซื่อสัตย์ และจริงใจผ่านกลไกทวิภาคี และเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นอย่างสร้างสรรค์ โดยควรคำนึงถึงบทบาทหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ตรงไปตรงมา ปราศจากการครอบงำ เพื่อธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดี และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ












