‘วราวุธ’ เร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ย้ำชัด ไม่ปรับลดเบี้ยผู้สูงอายุแน่
แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 บาทหรือไม่ ต้องดูรายได้ประเทศ ชี้ ไม่อยากให้ต้องประกาศสถานะล้มละลายเหมือนบางประเทศ
วันนี้ (13 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. นัดแรก ถึงการดำเนินการแจกจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดอายุ 0-6 ปี ว่า ได้เร่งให้ปลัดกระทรวง พม. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรมบัญชีกลาง และทางสำนักงบประมาณ และการดำเนินการ 24 ชั่วโมงต่อจากนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้เงิน 600 บาทเข้ากระเป๋าพี่น้องประชาชนจำนวน 2 ล้านกว่าราย ส่วนงบประมาณปี 2567 ที่ยังไม่มีนั้น ในกรณีนี้ก็สามารถของบกลางก่อนได้
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า การท้วงติงของฝ่ายค้านในประเด็นเกี่ยวกับกระทรวง พม. เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมา เพราะความเป็นห่วง แต่ยืนยันว่า พม. ให้ความสำคัญกับคนทุกวัย โดยเฉพาะวัยแรกเกิด เพราะปัจจุบันอัตราเด็กแรกเกิดในไทยต่ำมาก ดังนั้น การดูแลเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปีจึงสำคัญ รวมถึงผู้สูงอายุก็สำคัญ เพราะอัตราของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20% ทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้เราก็จะให้โอกาสกับทุกคน รวมถึงผู้พิการ ทุกเพศ ทุกสถานะ
สำหรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นายวราวุธ กล่าวว่า วันนี้ยังเหมือนเดิม แต่ไม่ได้แปลว่า ในอนาคตจะลดลง เพียงแต่พรรคก้าวไกลตั้งข้อสังเกตว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 บาทได้หรือไม่นั้น ต้องดูงบประมาณรายได้ของประเทศ หากเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 บาท ภายในปี 2570 จะต้องใช้งบประมาณถึง 2 แสนล้านบาท สำหรับผู้สูงอายุ 2,200,000 ราย ในการสนับสนุนงบ และคาดว่าในปี 2570 จะมีผู้สูงอายุถึง 2,250,000 ราย
“มั่นใจว่า พี่น้องประชาชนคนไทยอยากได้รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า แต่ไม่อยากให้เหมือนบางประเทศในยุโรปที่ประกาศสถานะล้มละลาย เพราะรายจ่ายมากกว่ารายได้ ประเทศไทยเราละเอียดอ่อน ผู้เสียภาษีไม่ถึง 50% เราต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายเป็นหลัก” นายวราวุธ กล่าว












