‘พิธา’ แถลงหลังหารือร่วม ‘สมาพันธ์ SME ไทย’ เน้นย้ำ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ขยายโอกาส’
‘พิธา’ แถลงหลังหารือร่วม ‘สมาพันธ์ SME ไทย’ เน้นย้ำ “เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ขยายโอกาส’ หลังจัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมผลักดันทันที ด้าน ‘แสงชัย’ ปธ.สมาพันธ์ ขอ เปลี่ยนจาก สมาพันธ์ เป็น สภา เพื่อ พูดคุยกับรัฐบาล
วันนี้ (13 มิ.ย. 66) ที่สมาพันธ์ SME ไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ แถลงข่าวกับสื่อมวลชน หลังร่วมประชุมหารือกับ นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ และคณะ
นายพิธา ระบุว่า การประชุมร่วมกันระหว่างสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงทิศทางในการบริหารเศรษฐกิจแบบมหภาค สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะสถานการณ์หลังวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน เปรียบเทียบสถานการณ์ที่ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนให้เห็นว่าการเข้าถึงแหล่งทุน สัดส่วนการเข้าถึงเงินกู้ สัดส่วนของที่เอาเอ็มอีต่อจีดีพีของแต่ละประเทศหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง
รวมถึงสอบถามถึงความต้องการของทางสมาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสมุดปกขาวที่ได้เตรียมเอาไว้ รวมถึงการชี้แจงนโยบายสำคัญที่จะช่วยเหลือ อย่างเรื่อง หวยใบเสร็จ การผ่านกฎหมายเพื่อเปลี่ยนจากสมาพันธ์ให้เป็นสภา จะได้มีโอกาสเข้าประชุมกับรัฐบาลด้วย
“ต้องเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ซึ่งจะเพิ่มรายได้ด้วยการมีหวยใบเสร็จ ลดต้นทุนทางพลังงาน ขยายโอกาสโดยเปลี่ยนเป็นสภาเอสเอ็มอีไทย ให้มีโอกาสต่อรอง หากตั้งรัฐบาลสำเร็จเมื่อไหร่จะเร่งผลักดันทันที เพื่อต่อสู้กับเศรษฐกิจโลก และปลุกเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาในประเทศไทยให้มากที่สุด”
ส่วนเรื่องที่ตำแหน่งด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้นั้น นายพิธา ระบุว่า ตอนนี้มีคณะทำงานทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งคณะทำงานได้เริ่มประชุมกันไป และดูว่าใครเหมาะสมซึ่งดูในการประชุม ส่วนสิ่งที่ทำทันทีคือ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ตามกรอบเวลาตามที่เคยหาเสียงไว้
ด้านนายแสงชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดี ที่ทางนายพิธาได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงแนวทางในการที่พรรคก้าวไกล จะมีทิศทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีอย่างไรในอนาคต ซึ่งเราได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนทั้งในช่วงเช้าและช่วงบ่ายอย่างเข้มข้น โดยมีข้อสรุปที่เห็นตรงกัน ในเรื่องของมาตรการปลุกเศรษฐกิจฐานราก และการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นด้วยหวยใบเสร็จ ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจ และเรายินดีที่จะสนับสนุน รวมถึงการคุยในเรื่องของสัดส่วนจีดีพีของเอสเอ็มอี การทำเอสเอ็มอีวอลเล็ต โดยนายพิธาก็มีแนวทางจะแก้ปัญหาการแก่ก่อนรวย
เรื่องที่สองคือการแก้ปัญหาในเรื่องของต้นทุน และค่าครองชีพที่จะนำไปสู่การบรรจุในนโยบายที่จะสามารถลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการในมิติต่างๆ และส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำโดยพรรคก้าวไกล และสมาพันธ์เห็นตรงกันว่า จะต้องมีกองทุนหรือช่องทางที่ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยได้รับโอกาส และใช้ประโยชน์จาก แหล่งทุนต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย
อีกทั้ง ยังจะต้องฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 และยังพูดคุยถึงการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และภาคแรงงานซึ่งเราเห็นว่า มีความต้องการที่จะดึงแรงงานนอกระบบเข้ามาสู่ระบบเป็นจำนวนมาก การอัพสกิลในภาคแรงงานให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มรายได้ของผู้ประกอบการ และแรงงาน ส่วนเรื่องสุดท้าย คือการแก้ไขปัญหากฎหมายที่เป็นอุปสรรค
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยความเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องมีการทบทวน และแก้ไขกฎหมายร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทางสมาพันธ์และพรรคก้าวไกล จะมีคณะทำงานร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ และเป็นกระบอกเสียงในการดำเนินการตั้งสภาเอสเอ็มอีร่วมกันต่อไป
“ความสำเร็จในวันนี้ คือแนวทางการทำงานของพรรคก้าวไกล ที่เกี่ยวกับนโยบายที่ตอบโจทย์ และแตกต่างไปจากเดิม จะเป็นการสร้างมิติใหม่ของเศรษฐกิจฐานราก ในการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะใช้กลไกของผู้แทนราษฎร ที่จะเข้าไปทำงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลได้ตรงตามสภาพปัญหา และอุปสรรคของเรา” นายแสงชัยกล่าว












