เลขาฯ กฤษฎีกา ยัน ไม่ได้ขวาง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เลขาฯ กฤษฎีกา ยัน ไม่ได้ขวาง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แค่ขอรัฐบาลเอาให้ชัด หวังดึงดูดการท่องเที่ยว หรือ แก้ปัญหาการพนัน ขอดูความเห็นตั้ง ‘ณัฐวุฒิ’ นั่งที่ปรึกษาของได้หรือไม่ เหตุถูกตัดสิทธิทางการเมือง
วันนี้ (13 ม.ค. 68) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึง กระแสข่าวว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วงร่างกฎหมาย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาวันนี้ว่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man – Made Destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่น ๆ และ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น แต่ กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้นจึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คณะกรรมการกฤษฎีกา จึงมีความเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกว้างกว่า ดังนั้นถ้าจะเป็น Man – Made Destination ควรจะเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อความครอบคลุม รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ในรายงานศึกษาของสภาผู้แทนฯ ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการพนัน แต่กฤษฎีกา มองว่าการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว จึงต้องเอาให้ชัดว่าร่างกฎหมายนี้ต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อะไร ค่อยเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา ว่าจะเน้น Man – Made Destination หรือจะเน้นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก เพราะกระบวนการ กลไกต่างกัน
ขณะเดียวกันนายปกรณ์ ยังระบุอีกว่า ถ้าเน้น Man – Made Destination จะเป็นเหมือนรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีทั้งสนามกอล์ฟ สถานบันเทิง เหมือนในต่างประเทศ มีที่พักสำหรับครอบครัว และมีกิจกรรมของแต่ละคน มีสวนสนุก และสวนน้ำสำหรับเด็ก สุภาพสตรีมีศูนย์การค้า ขณะที่ผู้ชายจะมีกีฬา ในส่วนของการพนันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าต้องการเช่นนี้จริง ๆ ต้องขยายขอบของกฎหมายให้ครอบคลุม จึงเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีขอให้เอาให้ชัดก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวาง เหมือนที่สื่อบางสำนักพาดหัวไว้ จะย้ายผมหรือครับ
เมื่อถามว่าในกรณีที่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายปกรณ์ อธิบายว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัด เพราะ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ด้านใน เพียงแต่ว่าเล็กนิดเดียว แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่จะทำ หากเป็น Man – Made Destination ที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยว ก็อยู่ในนโยบายที่เห็นชัดเจน
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสังคมให้ดีก่อนหรือไม่ ไม่ใช่การหมกเม็ดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายปกรณ์ออกตัวว่าตนเองไม่ได้บอกว่าหมกเม็ด แค่บอกว่าร่างกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายยังไม่ชัด จึงอยากให้ถามคณะรัฐมนตรีว่าจะเอาอย่างไรแน่ แล้วมาคุยกับสังคมให้ชัด ซึ่งก็ทำได้เหมือนกันไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งหากวันนี้มีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าจะวัดบรรลุวัตถุประสงค์อะไร กฤษฎีกาก็จะไปร่างกฎหมาย ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ตามนโยบายที่รัฐบาลต้องการ สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นปัญหาเรื่องนโยบาย เพราะจริง ๆสภาฯรับรู้แล้ว ว่าจะมีเรื่องในวันนี้ ถ้าหลักการและเป้าหมายชัดเจน ก็เดินหน้าได้ ไม่มีประเด็นอะไรเลย ไปพาดหัวกันเสียจน ผมจะถูกย้ายออกจากเก้าอี้แล้ว
ขณะเดียวกันนายปกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี การตั้งข้อสังเกต แต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสย เกื้อเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้หรือไม่เนื่องจากนายณัฐวุฒินั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ว่า กฤษฎีกาได้วินิจฉัยไปแล้ว ขอให้สื่อฯไปศึกษาดูความเห็นว่าตรงตามที่มีการวินิจฉัยไว้แล้วหรือไม่