เลขา กกต.ชี้ช่องขยายวันเลือกตั้งได้หากสถานการณ์ชายแดนไม่สงบ
เลขา กกต.ชี้ช่องขยายวันเลือกตั้งได้หากสถานการณ์ชายแดนไม่สงบ คาด 16 ธ.ค.นี้ เคาะวันเลือกตั้ง ยืนยันคำนึงความปลอดภัยของผู้ใช้สิทธิ์ พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
วันนี้ (12 ธ.ค. 68) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีการเลือกตั้งหลังยุบสภาจะขยายออกไปนานกว่า 60 วัน ว่า เงื่อนไขของกฎหมายเมื่อมีพระราชกฤษฎีกา กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งและต้องประกาศจำนวนเขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน ในระยะเวลาดังกล่าวจะได้วันเลือกตั้งที่ชัดเจน ส่วนสถานการณ์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรในทางกฎหมาย มีช่องทางในการแก้ไขได้ทุกเรื่อง ซึ่ง การประชุม กกต.ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะพิจารณาเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และมีประชุมกับตัวแทน ครม. เรื่องการทำประชามติ ส่วนในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและวันรับสมัครเลือกตั้ง สส.
เมื่อถามว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณชายแดน จะสามารถจัดวันเลือกตั้งให้เป็นวันเดียวกันได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณชายแดน 4-5 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในทางกฎหมายมีทางออก ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ระบุว่าถ้ามีเหตุจำเป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ แต่ต้องจัดการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่เหตุการณ์นั้นสิ้นสุดลง ซึ่ง เป็นการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่และเป็นการขยายเวลาของทั้งประเทศ เพราะต้องให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร แต่ถ้าเป็นเหมือนจังหวัดศรีสะเกษเราใช้มาตรา 102 มีเหตุในบางหน่วยบางพื้นที่อันนั้นเป็นการกำหนดวันลงคะแนนใหม่ซึ่งเป็นการใช้คำที่ต่างกัน
เมื่อถามว่าหากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งตามวันที่กำหนดได้ จะต้องพิจารณาส่วนใดบ้าง นายแสวงกล่าวว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสุจริต ซึ่งต้องคำนึงถึงคนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งคือ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ผู้สมัครที่ต้องหาเสียงรวมทั้งประชาชนผู้มีสิทธิ์ เราต้องดูความสะดวกและความปลอดภัย เป็นองค์ประกอบที่จะต้องนำมาพิจารณา ซึ่ง ผอ.จังหวัดจะต้องเป็นคนประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ ตอนนี้จึงยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะต้องขยายวันเลือกตั้งหรือไม่ เพราะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การเลือกตั้งและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะต้องเดินไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะจบเมื่อไร ซึ่งการขยายวันเลือกตั้ง เป็นทางออกแรกที่เรามีอยู่ แต่อาจจะมีอีกทางออกคือการลงคะแนน แบบลงทะเบียนออกเสียงล่วงหน้า คือการออกเสียงนอกหน่วย ซึ่งเราต้องดูและประเมินสถานการณ์ก่อน ซึ่งหากใช้การขยายวันเมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้วคือไม่มีเหตุอีกแล้ว การเลือกตั้งก็จะสามารถจัดได้ภายใน 30 วัน
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเลือกตั้งในศูนย์อพยพ นายแสวง กล่าวว่า กรณีนี้ไม่มีกฎหมายรองรับไว้ อาจจะต้องใช้วิธีลงทะเบียนแล้วจัดหายานพาหนะเพื่อนำประชาชนไปลงคะแนน
พร้อมยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสและความปลอดภัยของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และผู้ที่หาเสียง
เมื่อถามว่า หากมีการขยายวันเลือกตั้งจะเพิ่มความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ขณะนี้ยังคงเป็นไปตามที่มีพระราชกฤษฎีกาอยู่ การยืดเวลายังไม่มี ซึ่งการยืดเวลาก็ต้องดูหลายองค์ประกอบ ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะสามารถจัดทำประชามติไปพร้อมกันเลยได้หรือไม่นั้น หากยึดเวลาตามกฎหมายการเลือกตั้งสส. จะต้องไม่น้อยกว่า 45 วันไม่เกิน 60 วัน แต่การทำประชามติไม่น้อยกว่า 60 วันไม่เกิน 150 วัน แต่มาตรา 11 ของพ.ร.บ.ประชามติระบุไว้ว่าหากมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อประหยัดงบประมาณก็สามารถที่จะทำประชามติน้อยกว่า 60 วันได้ ซึ่งการทำประชามติจะต้องใช้เนื้อหามากกว่าอย่างน้อยงานธุรการก็ต้องมีการพิมพ์ประเด็นให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ทำความเข้าใจรวมถึงจัดเวทีแสดงความคิดเห็นอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ทั้งนี้ต้องดูว่ากิจกรรมการทำประชามติในกฎหมายกำหนดให้ใช้เวลาขั้นต่ำได้เท่าไหร่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนได้ศึกษาเนื้อหาการทำประชามติได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาออกมาแล้วแต่ ความคืบหน้าของการทำประชามติยังไม่เริ่มขึ้นเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้งได้












