POLITICS

สว. ลุกอภิปราย กสทช. กลางวุฒิสภา ปมขัดแย้งภายใน-งบเดินทางต่างประเทศ หวั่นกระทบภาพลักษณ์

ด้าน 4 กสทช. ร้อง นายกฯ ทบทวนบรรจุวาระถกงบสำนักงานฯ หลังไม่ได้เสนอบอร์ดพิจารณาก่อน

การประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 21 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมวุฒิสภา มีวาระสำคัญเรื่องที่เสนอใหม่เกี่ยวกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกอบด้วย รายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2565 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ประจำปี 2565 โดยมีคณะกรรมการ กสทช. และ สำนักงาน กสทช. ร่วม 11 คน เข้าชี้แจงต่อวุฒิสภา นำโดย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และคณะ

ประธาน กสทช. กล่าวรายงานการดำเนินงานเรื่องเร่งด่วน การจัดทำระบบการแจ้งเตือนภัยร่วมกับผู้ประกอบการ การแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. โดยยึดระเบียบอย่างเคร่งครัด และข้อสงสัยการเดินทางปฏิบัติงานของประธาน กสทช. โดยทุกการเดินทางเป็นไปอย่างรวบรัด เป็นรูปแบบกำหนดตามความจำเป็น

จากนั้น สมาชิกวุฒิสภารวมกว่า 10 คน อภิปรายการทำงานของ กสทช. โดยส่วนใหญ่เป็นทิศทางเดียวกัน คือ ยังไม่เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรม งบประมาณของรัฐที่ได้ไปไม่ถูกนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ, แพลตฟอร์ม Telehealth, การป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การจัดระเบียบโทรทัศน์ และ OTT ที่ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่อง Must have กับ Must Carry จนเกิดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์บอลโลก กระทบต่อสิทธิ์ของประชาชน ตลอดจนการใช้งบประมาณในการเดินทางไปต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่เป็นวาระสำคัญที่สุด คือ ปัญหาความขัดแย้งภายใน กสทช. ทั้งประธาน กรรมการ และสำนักงาน จนขาดความเป็นเอกภาพและเสถียรภาพในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรใดหาข้อยุติเรื่องของคณะกรรมการ กสทช.ที่ฟ้องกันไปมา อีกทั้งเรื่องศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โดยมติคณะรัฐมนตรี ปี 2561 กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแล ซึ่งเงินกองทุนวิจัยและพัฒนาโดย กสทช. ให้ทุนประเดิมแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3,340 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายดำเนินการต่อเนื่องอีก 5 ปี (พ.ศ.2562-2567) จำนวน 4,232 ล้านบาท รวมทั้งสิน 7,572 ล้านบาท ปีหน้าจะสิ้นสุดตามมติคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่เห็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติเลย

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิวุฒิสภา อภิปรายถึงกรณีงบเดินทางต่างประเทศว่า การเดินทางไปต่างประเทศของกรรมการ กสทช. ต้องไม่เป็นความลับ ต้องเปิดเผย โปร่งใส โดยตนมีข้อสังเกตในงบการเดินทาง ปี 2566 ซึ่งใช้งบไป 40 ล้านบาท บางมริปเดินทางไปโรมาเนีย 34 คน ใช้งบ 15 ล้านบาท บางเดือนบอร์ด กสทช. เดินทางต่างประเทศทุกคน ไม่มีใครทำงานอยู่ไทยเลย บางทริปแบ่งเดินทางไปสเปนทีละ 7-8 คน รวม 24 คน ใช้งบ 10.5 ล้านบาท ซึ่งไปกันเป็นกลุ่มเดิม เห็นได้ชัดว่าภายใน กสทช.แบ่งแยกเป็นกลุ่ม กระทบภาพลักษณ์ประธาน กสทช.

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายถึงปมขัดแย้งภายใน กสทช. ว่าการทำงานของ กสทช. กตป. ต้องเป็นหนึ่งเดียว ทั้ง กสทช. และ กตป. สว. เป็นคนเลือกมาโดยตรง เมื่อมีเรื่องปัญหา สว. ก็ต้องพูดตรง ๆ สำหรับ กสทช. เลขาฯ ฟ้องกรรมการ กรรมการฟ้องเลขาฯ กรรมการฟ้องประธาน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ นอกจากนี้ ประชุมมีวาระค้าง 20-30 วาระ พอนัดประชุมกันก็เกิดการทะเลาะกัน สุดท้ายก็กลายเป็นประชุมล่ม

พล.อ.สายัณห์ สวัสดิ์ศรี กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานด้านกิจการกระจายเสียง (กตป.) ชี้แจงว่า ภาพลักษณ์ กสทช. ประสบปัญหาความไม่โปร่งใสในบางกรณี นับตั้งแต่ปี 63 จนปัจจุบันที่บอร์ดชุดใหม่เข้ามาก็ยังไม่มีข้อยุติเรื่องเลือกเลขาฯ การลงมติอนุมัติควบรวมกิจการ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นใน กสทช. ตลอดจนการตรวจสอบความผิดเรื่องลิขสิทธิ์บอลโลก ซึ่งขณะนี้ กสทช. มีฟ้องกันอยู่ 5 รายการ ประกอบด้วย

1.ทรูดีแทค ฟ้อง กสทช. ด้านโทรทัศน์

2.นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ฟ้อง บอร์ด 4 คน และรองเลขาธิการ กสทช.

3บอร์ด 4 คน ฟ้อง ประธาน กสทช.

4.ผู้สมัคร เลขาฯ กสทช. ฟ้อง ประธาน กสทช.

5.ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ฟ้อง ประธาน กสทช.

ทั้งนี้ พล.อ.สายัณห์ กล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ตนจึงเสนอแนะให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นคนกลางเข้ามาคลี่คลาย

จากนั้น นายวันชัย ลุกขึ้นมาซักถามว่า ตนยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เรื่องความขัดแย้งภายใน กสทช. ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ก่อนที่ นพ.สรณ ตอบเพียงว่า “กราบขอบคุณกัลยาณมิตร และผมเองมีกัลยาณมิตรนั่งอยู่ข้างบนด้วยกัน (หมายถึงกรรมการ กสทช.) ผมพยายามที่จะปรับปรุงทัศนคติ และความร่วมมือกัน”

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ชี้แจงว่า ส่วนตัวไม่มีข้อขัดแย้งใดกับ ประธาน กสทช. อาจเป็นปัญหาเรื่องการตีความข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน เช่น การแต่งตั้งเลขาฯ กสทช. ตามมาตรา 61 ประธานต้องแต่งตั้งเลขาฯ ตามความเห็นชอบของ กสทช. แต่ ประธาน กสทช.มองว่า ประธานต้องมีอำนาจในการเลือกเลขาฯ เอง รวมถึงเรื่องการพิจารณางบประมาณ ซึ่งตามหลักการ กสทช. ต้องเป็นผู้อนุมัติงบ ส่วนการจัดสรรเป็นหน้าที่ของสำนักงานฯ ที่ผ่านมาจำเป็นต้องให้ กสทช.พิจารณางบก่อนส่งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ครั้งนี้มีการตีความกฎหมายใหม่ว่า กสทช. ไม่ต้องพิจารณา แต่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจส่งได้เลย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา กรรมการ กสทช. 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ทำหนังสือส่งถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอความอนุเคราะห์ดำเนินการทบทวนการบรรจุวาระเพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายของสำนักงาน กสทช. ประจำปี 2567 กรอบวงเงิน 5,282.50 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีการเสนอให้บอร์ด กสทช. พิจารณาก่อน ตามระเบียบ

Related Posts

Send this to a friend