POLITICS

‘วิโรจน์‘ จี้รัฐบาลคลาย 3 ปมปัญหายาเสพติด มุ่งยึดทรัพย์เปลี่ยนพ่อค้ารายใหญ่เป็นยาจก

‘วิโรจน์‘ จี้รัฐบาลคลาย 3 ปมปัญหายาเสพติด มุ่งยึดทรัพย์เปลี่ยนพ่อค้ารายใหญ่เป็นยาจก นำเงินไปบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ

วันนี้ (12 ก.ย. 67) ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงปัญหายาเสพติด โดยมองว่าที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนในการจัดสรรงบประมาณ และการปฏิบัติอย่างครบวงจรจากรัฐบาลชุดแล้ว จนมาถึงคำแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ยังไม่เห็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ

รัฐบาลที่แล้วมีการตั้งเป้าแก้ปัญหายาเสพติดทำแบบสุขเอาเผากิน สั่งอย่างเดียว จะเอางานเร็ว แต่เงินไม่จ่าย แล้วการแก้ไขปัญหาจะคืบหน้าได้อย่างไร ตนเองหวังว่ารัฐบาลชุดนี้ที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะได้บทเรียนและไม่ทำเช่นนั้นอีก

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่าเราจำเป็นต้องคลาย 3 ปมปัญหา หากเอาแต่จับผู้เสพรายเล็กรายน้อยเพื่อสร้างภาพ นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้ปัญหายาเสพติดลุกลามกระจายเป็นวงกว้างฝังรากลึกทำลายระบบเศรษฐกิจ จนกลายเป็นปัญหาสังคมที่อยากจะแก้ไข

ปมแรก การจับคุมผู้เสพและผู้ครอบครองไว้เพื่อเสพ ไปเข้าคุก จะเป็นการเติมแรงงานให้กับธุรกิจยาเสพติด แต่การแก้ไขปัญหานี้ ต้องจับตัวใหญ่แล้วยึดทรัพย์ ส่วนตัวเล็กตัวน้อยเอาเข้าสู่การบำบัดฟื้นฟู อย่าหลอกประชาชนด้วยจำนวนคดี และจำนวนผู้ต้องหาที่เพิ่มมากขึ้น แต่เต็มไปด้วยผู้ต้องหาปลาซิวปลาสร้อย ขยายไปสู่ตัวใหญ่ไม่ได้

ดังนั้นมาตรการที่รัฐบาลควรมุ่งเน้นอคือไม่ใช่การจับกุมคุมขัง เพื่อทำยอดคดี แต่ต้องมุ่งไปที่การสนับสนุนด้านงบงบประมาณ ในการทำงานร่วมกันกับชุมชน ภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อพาผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดด้วยความสมัครใจ จึงจะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มีประสิทธิผลที่ดีกว่า

ปมที่ 2 คือการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพว่า ต้องมีความใส่ใจให้มากกว่านี้ เนื่องจากยังทำไม่ถึงขีดความสามารถที่มี สะท้อนการขาดการจูงใจ ให้ผู้ติดยาเสพติดรู้สึกปลอดภัย และสมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู ผ่านการสนับสนุนงบประมาณในโครงการชุมชนล้อมรัก ไม่ให้ความสำคัญกับชุมชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดฟื้นฟูอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้มีอัตราผู้เข้ารับการบำบัด และมารายงานตัวกับสำนักงานคุมประพฤติที่ต่ำมาก รวมถึงสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และหอผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติด ก็มีไม่เพียงพอ

ถ้าต้องการให้ผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดอย่างสมัครใจ รัฐบาลควรประกาศว่า สามารถใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ได้ ไม่ใช่แค่สั่งอย่างเดียว ต้องจัดสรรงบประมาณด้วย แม้จะมีงบเพิ่มขึ้นมากกว่า ปี 67 แต่หากเทียบกับ ปี 64 แล้วน้อยกว่ามาก เมื่อดูจากยาบ้าที่เป็นของกลางที่ยึดได้

รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดฟื้นฟูให้มากกว่านี้ เพื่อลดอุปสงค์ของยาเสพติดลงให้ได้ หากทำแต่ปาหี่ จับผู้เสพทำยอด จับแต่ไม่บำบัด คนที่ถูกจับก็วนกลับมาเสพที่ชุมชนไม่จบไม่สิ้น จับแล้วก็จับอีก พอส่งฟ้องศาล พอศาลรอลงอาญา ก็ไม่มารายงานตัวกับสถานคุมประพฤติ สุดท้ายก็ไม่แคล้วต้องจับติดคุก ก็ยิ่งเป็นการส่งเสริมแรงงานให้กับวงการค้ายาเสพติด จากเด็กเดินยา พัฒนากลายมาเป็นพ่อค้ายาเสพติดเสียเอง

ปมที่ 3 คือรัฐบาลต้องใส่ใจกับการยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายของพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ จึงจะตัดอุปทานของยาเสพติดอย่างได้ผล เนื่องจากพ่อค้ายาเสพติดไม่กลัวการติดคุก เพราะมีเครือข่ายในการลำเลียง และจำหน่ายอยู่หลายทอด พอถูกจับทีไร หัวขบวนก็หาคนมาติดคุกแทนได้ หรือต่อให้ติดคุกก็ไปเป็นขาใหญ่ในคุก ได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆ เพราะเงินซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อความเป็นอภิสิทธิ์ชนได้ทุกที่ แม้กระทั่งที่เรือนจำ

คนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่า การค้ายาเสพติดเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก แต่ความมั่งคั่งจากเงินสกปรกเหล่านี้ มันหอมหวน และคุ้มค่า ที่คนเหล่านี้จะเสี่ยง สมุนที่เคยรายล้อมคอยปรนนิบัติรับใช้ ตลอดจนโจรในคาบสีกากีบางกลุ่มบางก้อน ที่ไม่ได้ซื่อสัตย์ภักดีอะไร แต่เป็นเพราะเงินสีดำหอมหวนจนต้องยอมขายวิญญาณ มาเป็นทาสรับใช้เจ้าพ่อเครือข่ายยาเสพติด

หากรัฐบาลดำเนินการยึดทรัพย์พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่อย่างจริงจัง จะทำให้เงินในกองทุนป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดมีเพิ่มมากขึ้น และสามารถนำเงินจำนวนนี้ ไปสนับสนุนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด การทำงานร่วมกับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอย้ำว่าการจะแก้ไขปัญหายาเสพติด ท่านนายกฯ ต้องจับตัวใหญ่ ไม่ใช่จับตัวเล็ก มาตีตราทำยอด ผู้เสพต้องได้รับการบำบัด ผู้ค้าต้องตามยึดทรัพย์ให้หมด กลายเป็นยาจกให้ได้ ถึงจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับประเทศนี้ได้

Related Posts

Send this to a friend