‘ประเสริฐ’ ชี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบดิจิทัล ด้าน ‘ณัฐพงษ์’ โต้ หลายเรื่องยังต้องการรายละเอียด
วันนี้ (12 ก.ย. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลุกขึ้นชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกรัฐสภา ว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาระบบดิจิทัลของประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งในการลงทุน Digital Infrastructure เช่น ดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งจะนำมารวมกันเป็น Digital Government อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง และนำมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น แบ่งเป็น
1.นโยบายการใช้บริการระบบคลาวด์ภาครัฐ (Cloud First Policy) เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเน้นการสร้างพับบลิก คลาวด์ และไพรเวท คลาวด์ นอกจากนี้ยังดึงบริษัทชั้นนำทั่วโลกมาลงทุนในประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในเรื่องนี้ ปรับแนวทางในการจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้คลาวด์ให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เปิดช่องทางให้มีการเช่าพื้นที่บริการ
2.Digital infrastructure & Digital Ecosystem
สร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรม ซึ่งมี Digital ID ในจำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ขณะนี้อยู่ในระหว่างหารเพิ่มจำนวน ส่งเสริมการนำข้อมูล Big Data มาใช้ ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ
3.ส่วนโครงการ Health Link ร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณสุขในการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้ทำร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวโดยเป็นโครงการ Travel link ได้มีการจัดทำแผนแม่บทในการบูรณาการความแตกต่างของแต่ละกระทรวง มาพัฒนาระบบสารสนเทศ ทำ Super App รวมทุกแพลตฟอร์มของภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยี Blockchains จะเกิดการเชื่อมต่อข้อมูลซึ่งกัน และกันไม่ทำให้ประชาชนสับสน และสร้างความซับซ้อน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า จะนำข้อมูลมาต่อยอดทางภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนโดยนับเป็นมาตรการเชิงรุก ให้ความสำคัญมีการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดประโยชน์มีการแบ่งปันสถิติตามมาตรฐานสากล เราจะนำเรื่องเหล่านี้มาพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ต้องทำภายใต้การเคารพข้อมูลส่วนบุคคลจึงส่งเสริมให้ภาครัฐ และภาคเอกชนในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA และเตรียมความพร้อมเรื่องของการบังคับใช้
นายประเสริฐ ระบุว่า ต่อส่งเสริมให้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เกษตรอัจฉริยะ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุน
“การทำงานของกระทรวงมีแผนให้นำเอาเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสในการพัฒนาประเทศ โดยการเปิดประตูการค้ากับภาครัฐเป็นเรื่องสำคัญ การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การส่งเสริมเมืองให้มีการใช้เทคโนโลยีที่ มีทั้งข้อมูลเมือง การออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเมืองทางด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคตการพัฒนาระบบนิเวศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล” นายประเสริฐ กล่าว
ต่อมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) พรรคก้าวไกล ได้ขอลุกขึ้นอภิปรายว่า หลายอย่างเป็นเรื่องที่ต้องมีการลงรายละเอียด ในส่วนของคลาวด์กลางภาครัฐ จะใช้วิธีการดึงดูดนักลงทุนโดยมีการวางเงื่อนไขที่เกิดการจ้างงาน และประเทศไทยได้ประโยชน์ส่วน Digital ID ที่เป็นปัญหาอยู่ เพราะมีค่าธรรมเนียมที่แพง และไม่ทำให้เกิดการใช้จริง ส่วน Thai ID มีปัญหาที่เป็นของกระทรวงมหาดไทย และไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลทำให้ไม่มีการเกิดดาต้าอีโคโนมี่
“การแก้ปัญหาคือควรไปเจรจาทำให้ Digital ID เป็นช่องทางกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของประเทศ และเอา Thai ID มารถเชื่อมกับ ID ให้ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมซึ่งก่อนการจัดตั้งรัฐบาลเราได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้จนได้ข้อสรุปที่เรียบร้อยแล้ว และเรื่องของ Health Link โรงพยาบาลไม่ยอมเข้าร่วมครบทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐ หรือเอกชน เพราะไม่มีข้อมูลกลางใน การแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว












