POLITICS

‘เศรษฐา’ แถลงผลตรวจยึด ‘โทลูอีน’ สารตั้งต้นยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 90 ตัน

‘เศรษฐา’ แถลงผลตรวจยึด ‘โทลูอีน’ สารตั้งต้นยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 90 ตัน สามารถผลิตยาเสพติดมูลค่ากว่าหมื่นล้าน กำชับตำรวจดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุปะทะบุกจับ ที่เชียงดาว เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย

วันนี้ (12 ก.ค.67) ที่ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการสืบสวนและตรวจยึดสารโทลูอีน (Toluene) เคมีภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำนวน 90 ตัน มูลค่าของกลาง 3.6 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ได้แก่ กรมศุลกากร โดย นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดย นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม

เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงได้รับฟังรายงาน Timeline การจับกุมและตรวจยึดโทลูอีน (Toluene) จากผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งได้ชมการตรวจสอบสารเคมีที่ยึดได้ว่าเป็นโทลูอีน (Toluene) หรือไม่ จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเรื่องของการป้องกันปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาดเป็นเรื่องที่รัฐบาลสนใจและให้ความสำคัญ ซึ่งการตรวจยึดโทลูอีน (Toluene) เคมีภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำนวน 90 ตัน (มูลค่าของกลาง 3.6 ล้านบาท) ครั้งนี้ ต้องขอชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ทั้ง กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการตรวจค้นสารโทลูอีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นการผลิตยาไอซ์ ยาบ้า โคเคน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าผู้นำเข้ามาไม่เคยนำสารชนิดนี้เข้ามาก่อน ซึ่งไทยเป็นทางผ่านจากเกาหลีใต้ไปสู่เมียนมา ซึ่งตอนนี้นายกฯ ได้มีการสั่งการให้ขยายผลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยวันนี้จะมีการออกหมายเรียกตัวบริษัทที่นำสารดังกล่าวเข้ามา พร้อมกล่วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติดอีกหลาย ๆ ชนิด ซึ่งการจับตรวจยึดครั้งนี้ได้ 90 ตัน แม้มีมูลค่าของกลางไม่มาก จำนวนไม่กี่ล้านบาท แต่หากสารนี้หลุดไปสู่แหล่งผลิตยาเสพติดได้ ไม่ว่าจะเป็นโคเคนก็ผลิตได้หลายพันกิโลกรัม และจะมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท ส่งผลให้กลับมาเป็นวังวนอุบาทว์ ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยและประชาชนทั่วโลกอีก ซึ่งการดำเนินการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และก็ต้องทำงานกันอย่างจริงจังต่อไป สิ่งสำคัญคือการขยายผล

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการพูดคุยกับ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งดูแลทางด้านยาเสพติด กรณีเกิดเหตุที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นผู้ค้ายาเสพติด และถูกทำร้ายซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เจ้าหน้าที่ชั้นประทวนเสียชีวิต 1 คน และมีนายร้อยบาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งได้พูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วต้องมีการจัดการขั้นเด็ดขาด รวมถึงดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เต็มที่ โดยต้องมีความพร้อมในการใช้กำลังที่จะตอบโต้ เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของฝ่ายปราบปรามสำคัญมาก จึงฝากผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลตรงนี้ด้วย การดำเนินการตรวจยึดวันนี้ก็เป็นผลจากการยกระดับการปราบปรามยาเสพติดขึ้น ยังมีภารกิจอีกมาก ตรงนี้ถือเป็นการตั้งต้น นิมิตหมายอันดี ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง และขอให้ดูแลสวัสดิภาพของตัวเองให้ดี

สำหรับการดำเนินการตรวจยึดโทลูอีน (Toluene) เคมีภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำนวน 90 ตัน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่มีนโยบายทำลายวงจรยาเสพติดทุกมิติ โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่อสังคมและระบบเศรษฐกิจในภาพรวม รัฐบาลจึงกำชับให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) บูรณาการการสืบสวนปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ในการสืบสวนและป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและประสานงาน กรมศุลกากรทำหน้าที่ในการตรวจสอบควบคุมการนำเข้า – ส่งออกผ่านแดน – ถ่ายลำ รวมไปถึงพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจค้นและการประสานงาน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ในการควบคุมตรวจสอบการใช้สารตั้งต้นรวมไปถึงการออกกฎระเบียบและมาตรการควบคุมการใช้สารตั้งต้น ตรวจสอบติดตามการใช้สารตั้งต้น สารเคมี เพื่อลดการนำไปใช้ในทางที่ผิด สำนักงาน ป.ป.ส. ทำหน้าที่ในการควบคุมนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ รวมไปถึงการสนับสนุนส่วนราชการอื่นในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันจึงสำคัญและจำเป็นในการจับกุมกลุ่มนักค้ายาเสพติดระดับชาติ

รวมทั้งตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่ รวมถึงการทำลายกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดและเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมอื่น สกัดกั้นในการลักลอบนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ผลิตยาเสพติด เพื่อเป็นการกวาดล้างกลุ่มหรือเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนให้หมดสิ้น โดยบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาดโดยเพิ่มมาตรการและแนวทางในการป้องกันการลักลอบสารตั้งต้นยาเสพติดในอนาคต และเพิ่มมาตรการการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าส่งออก อีกทั้งมุ่งเน้นในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศระดับภูมิภาค รวมไปถึงการให้ความรู้และรณรงค์การป้องกันยาเสพติดแก่ประชาชน

ทั้งนี้ การดำเนินการตรวจยึดโทลูอีน (Toluene) เคมีภัณฑ์ที่เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำนวน 90 ตัน สืบเนื่องจากกรมศุลกากรตรวจสอบใบตราส่งสินค้าผ่านแดนสำแดงชนิดสินค้า Toluene โทลูอีน ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จัดเป็นของต้องกำกัดต้องมีใบอนุญาตในการผ่านแดน จึงได้แจ้งกักสินค้าเพื่อตรวจสอบ ประกอบกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ตรวจสอบพบว่าสินค้าผ่านแดนดังกล่าวมิได้ขออนุญาตนำผ่าน อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแส ว่าจะมีการนำเข้าสารโทลูอีน (Toluene) จำนวน 90 ตัน โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำส่งไปยังปลายทางนครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกกฎหมาย โดยมีต้นทางมาจากเมืองปูซานเกาหลีใต้ขึ้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง นำผ่านประเทศไทยและออกที่ศุลกากรแม่สอด จว.ตาก กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทำการสืบสวนทางลับ และเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 67 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจใบอนุญาตการนำผ่านสารโทลูอีน จากระบบการตรวจสอบการแจ้งยื่นเอกสารทางทะเบียนขอนำผ่านสินค้าในฐานข้อมูล กรมโรงงานอุตสาหกรรม และประสานสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอความร่วมมือในการร่วมตรวจสอบสินค้าสารโทลูอีน (Toluene)

จากการบูรณาการประสานข้อมูลร่วมกันทั้ง 4 หน่วยงาน พบประเด็นน่าสงสัยนำสู่การยึดสารโทลูอีน

1.สำนักงาน ป.ป.ส. พบว่า บริษัทผู้สั่งซื้อสินค้าผ่านแดนในสหภาพเมียนมาไม่มีอยู่จริง อีกทั้งไม่มีการขออนุญาตนำเข้ากับทางการเมียนมาแต่อย่างใด โดยบริษัทได้สั่งซื้อสารโทลูอีน (Toluene) จากประเทศเกาหลีใต้โดยขนส่งทางเรือ จากเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 67 และสินค้าได้ถึงท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 67

2.จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทผู้ขอผ่านแดน ไม่เคยมีการนำสินค้าผ่านแดนสินค้าสารโทลูอีนมาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก

3.สินค้านี้ จะออกจากประเทศไทยที่ด่านศุลกากรแม่สอด ไปกรุงย่างกุ้ง สหภาพเมียนมา

ต่อมากระทั่งวันที่ 8 ก.ค. 67 กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมตรวจสอบพบการนำผ่านสารโทลูอีน จำนวน 90 ตัน โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำผ่านแดนเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐตรวจเจอสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดปี 2566 ถึงปัจจุบัน รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 859 ตัน โดยต้นทางสินค้าพบมาจากประเทศอินเดีย ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ และมีปลายทางคือสหภาพเมียนมา และ สปป.ลาว

Related Posts

Send this to a friend