นายกฯ เปิดโครงการ “พลังสตรี เพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต”
นายกฯ เปิดโครงการ “พลังสตรี เพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” สานต่องานยุคยิ่งลักษณ์ เปิดโอกาสหญิงไทยโชว์ศักยภาพ รับ ทุกวันนี้ยังถูกเหยียดเพศ แต่ต้องใช้เวลาปรับจูนทัศนคติ ยันรัฐบาลยังสนับสนุนกองทุน ด้าน ‘อนุทิน’ เล่นมุก พลังหญิง น่ากลัวเพียงใด ขนาด รมต.กลาโหม ยังต้องยกมือ
วันนี้ (12 มิ.ย. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ชั้น 1 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย, พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเปิดงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งตนเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนี้เกิดขึ้นจากนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ก็คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้หญิงไทยมีศักยภาพที่สูงมาก หากได้รับโอกาส ศักยภาพเหล่านั้นจะถูกแสดงออกมา และตนเองในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเป็นลูกสาว เป็นน้องสาว และเป็นคุณแม่ แน่นอนว่า ในบทบาทต่าง ๆ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองบางทีต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย และการเข้ามาทำงานในภาคเอกชนจนมาถึงภาครัฐก็มีความยากง่ายที่แตกต่างกัน และการเลี้ยงลูกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการเป็นผู้หญิงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกันที่จะทำอย่างไรให้นักการเมืองที่เป็นผู้หญิงถูกยอมรับในความคิดเห็นต่อทั่วโลก หรือต่อคนในประเทศ เพราะคำพูดที่เหยียดเพศก็ยังคงอยู่ ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ยังไปถึงทั่วโลกเช่นกัน โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับจูนความคิดว่า จริง ๆ แล้วทุกเพศที่เลือกที่จะเป็นควรได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียมกันได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมา กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ได้เปลี่ยนชีวิตผู้หญิงมากมายทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ต้องไปธรรมดา ต้องมีศักยภาพที่เด่นชัด และสามารถหาทางของตัวเองได้ พิสูจน์ตัวเองได้ว่า สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง และคนรอบข้างได้จริง ๆ นี่คือสิ่งสำคัญ ซึ่งเราสามารถช่วยเหลือสนับสนุนตัวเองนำความคิดมาเปลี่ยนโครงการมาเปลี่ยนเป็นเงินลงทุน และสร้างธุรกิจเติบโตจากศูนย์จนมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่ทุกคนก็อย่าลืมหยุดพัก และชื่นชมตัวเองด้วย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองขอส่งความชื่นชม และส่งกำลังใจจากทุกคนว่าการ มาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย และแน่นอนว่า กองทุนดังกล่าวจะต้องถูกสนับสนุนต่อไป เพื่อให้น้องที่เข้ามาประกวดได้มีโอกาสสร้างอาชีพที่ชอบ และเติมโอกาส เติมความฝันให้เป็นความจริงได้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะทำให้เกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมากองทุนดังกล่าวมีความพยายามที่จะยุบ แต่ด้วยพลังของทุกคนทำให้กองทุนดังกล่าวยังคงอยู่ และมีบทบาทสำคัญ
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลได้สนับสนุนกองทุนนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้มีระบบดิจิทัลให้มากขึ้น เพราะโลกของเราเปลี่ยนแปลงทุกวันแน่นอนว่าการใช้ Ai หรือ ดิจิทัลต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ และเราต้องช่วยกันพัฒนาทุกอย่างให้เข้ากับระบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการง่ายต่อการสื่อสารง่าย ต่อการโฆษณาสินค้า ให้คนกลุ่มมากขึ้นได้รู้จักสินค้ามากขึ้น และต่อจากนี้โครงการนี้จะพัฒนาต่อ และได้พูดคุยกับทีมงานที่จะดูเรื่องของทุนเพิ่มมากขึ้นว่า กลุ่ม หรือโครงการที่จัดทำ และเกิดประโยชน์ต่อคนมากได้เยอะ ก็ต้องมีรางวัลพิเศษ ซึ่งจะขอแจ้งในรายละเอียดครั้งหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่สำคัญวันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เจ้าหน้าที่ที่พัฒนาชุมชนที่ทำงานเคียงข้างผู้หญิงทุกคน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดันให้กองทุนนี้อยู่ต่ออย่างแข็งแรง และขอยืนยันอีกครั้งว่า กองทุนนี้ไม่ใช่กลไกของรัฐเป็นพลังของประชาชนที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้อย่างจริง ซึ่งตนเองเคยได้ยินคำพูดของชาวต่างชาติ ว่า When women support each other incredible things happened คือ ถ้าผู้หญิงสนับสนุนกันเองสิ่งต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าทุกคนสนับสนุนซึ่งกันและกัน ก็จะเป็นพลังซึ่งกันและกัน ผู้หญิงที่มีความมั่นใจไปสนับสนุนผู้หญิงอีกคนให้มีความมั่นใจให้มีความกล้าทำ กล้าทำตามความฝัน พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ เพิ่มโอกาสให้กับสังคม
ด้านนายอนุทิน กล่าวรายงานตอนหนึ่งบนเวทีว่า พลังสตรียิ่งเพียงใด ตนเองจะขอยกตัวอย่างที่ตนได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ระหว่างอยู่บนเครื่องบินในการเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ นายกรัฐมนตรีได้ถามนายภูมิธรรม ว่า “ท่านคะ เวลาคนที่บ้าน ทำให้โกรธ ท่านทำยังไงคะ” ซึ่งนายภูมิธรรมได้ยกมือขึ้นตอบนายกฯ ตนเองก็ตกใจ ว่านายภูมิธรรม จะกล้าทำร้ายผู้หญิงเลยหรือ แต่ท่านกลับยกมือทำท่าวันทยาหัตต่อ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เห็นไหมว่าขนาดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังขนาดไหน ท่านนายกฯ จึงหันมาถามตนว่า แล้วตนเองทำอย่างไร ตนจึงตอบว่าว่าท่านรัฐมนตรีกลาโหมยกมือเดียว แต่ตนเองยกสองมือเลย และยกมือประกบกัน ยกมือไหว้ตอบ ทำให้เรียกเสียงหัวเราะ และเสียงปรบมือจากผู้ร่วมงานได้จำนวนมาก