POLITICS

‘อนุทิน’​ เตรียมลง​พื้นที่อุบลฯ 13 มิ.ย.นี้ แก้น้ำท่วม​ วารินชำราบ

‘อนุทิน’​ เตรียมลง​พื้นที่อุบลราชธานี​ 13 มิ.ย.นี้ ติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัยระดับพื้นที่​ -​ แก้น้ำท่วม​ ชาววารินชำราบ​ หลังท่วมซ้ำซาก ด้านนายอำเภอ​ ยอมรับ​ สถานการณ์​น้ำแม้สุ่มเสี่ยง​ แต่ยังรับมือได้​ ขณะชาวบ้าน วอน หน่วยงานรัฐร่วมแก้จริงจัง​ เร่งปรับการเยียวยาให้เร็วขึ้น เหตุต้องกู้หนี้ยืมสิน

วันนี้ (12 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน​ ชาญ​วีรกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ เตรียมลงพื้นที่อำเภอวารินชำราบ​ จังหวัดอุบลราชธานี​ เพื่อติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนภัยระดับพื้นที่ ในพื้นที่​ และติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ก่อนที่เข้าสู่ฤดูน้ำหลาก​ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าวารินชำราบ​ เป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำมูลก่อนออกแม่น้ำโขง​

นายอำนวยศักดิ์​ นวลศิริ นายอำเภอวารินชำราบ​ กล่าวถึงแผนการรองรับน้ำ พื้นที่อำเภอวารินชำราบในปีนี้​ว่า​ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่อำเภอวารินชำ หลายครั้ง รวมกับเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งขณะนี้มีความพร้อม เครื่องมือและอุปกรณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน กรณีหากเกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่อำเภอวารินชำราบติดแม่น้ำมูล ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่เกษตรกรรมรวมถึงมีชุมชนเมืองก็มีอยู่หลายชุมชน​ แต่ทุกภาคส่วนได้ประชุมหารือ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไว้ทั้งหมดแล้ว​ หากเกิดน้ำท่วมจริงก็พร้อมที่จะรับมือ​ และในส่วนจังหวัดก็ได้ติดตามการพยากรณ์อากาศ พร้อมกับติดตามเฝ้าระวังการระบายน้ำในพื้นที่ ที่บางแห่งเป็นปัญหาจริงๆ เช่น​ บริเวณจุดกลางระหว่าง เทศบาลเมืองวารินชำราบกับเทศบาลตำบลแสนสุข​ ที่เมื่อเกิดฝนตกเพียงนิดเดียวก็จะเกิดน้ำท่วมขัง​ แต่เรามีการทำงานในระดับมหภาค ที่ทำงานร่วมกันทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือปภ.​ กรมชลประทาน​ และกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น​

ส่วนการระบายน้ำเทศบาลมีการตั้งจุดระบายน้ำ เพื่อสูบน้ำออก​ 2 จุดใหญ่ๆ​ อย่างที่วัดเสนาวงศ์​ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเมื่อเกิดสถานการณ์จริงการอพยพประชาชน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว อย่างไรก็ตามสถานการณ์การระบายน้ำขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวล ทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กำชับในพื้นที่ สถานการณ์น้ำในขณะนี้อยู่ในระดับที่ยังรับได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่าสถานการณ์น้ำในปีนี้จะไม่ท่วมใช่หรือไม่ นายอำนวยศักดิ์ ยอมรับว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ขณะนี้มีการพร่องน้ำของเขื่อนไว้​ แล้วคาดว่าน่าจะระบายได้ แต่ขณะนี้หากดูจากสภาพน้ำ ก็มีความสุ่มเสี่ยงเหมือนกัน​ เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกันนี้ระดับน้ำในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ไว้วางใจอะไรทั้งสิ้น ต้องเตรียมการไว้ตลอด​ สืบเนื่องจากฝนมาเร็วขึ้น​ ขณะที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จะนำบทเรียนของปีที่ผ่านมามาปรับใช้ในปีนี้ให้ดีขึ้น​ มีการถอดบทเรียนเรื่องของความล่าช้าในการเยียว ว่ามีความผิดพลาดจุดใด ก็ต้องนำมาปรับแก้ไขให้ดีที่สุด

ด้าน นายเรวัฒน์ สุนทรสถาพร​ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี กล่าว ถึงการเสนอแผนงานโครงการในวันพรุ่งนี้ต่อที่ประชุม​ ว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมชลประทาน ซึ่งชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง กรมชลประทานก็นำเสนอแผนงานโครงการสร้างคันกั้นน้ำให้กับชุมชน โดยในส่วนวารินชำราบอาจต้องมีการสร้างคันกั้นน้ำชั่วคราว ซึ่งกรมชลประทานได้ทำไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยอาจต่อยอดเป็นโครงสร้างถาวร เพื่อป้องกันจุดฟันหลอ ทำให้น้ำในแม่น้ำมูลเล็ดลอดเข้ามาในพื้นที่

ขณะที่ นางบุญทัน เพ็งธรรม ประชาชนในชุมชนบ้านบ้งมั่ง​​ กล่าวว่า สำหรับชาววารินชำราบที่มีบ้านเรือนติดแม่น้ำมูล จะดูการแจ้งเตือนจากทางราชการ​ เช่นกรมชลประทานได้นำธงมาติด ส่วนในชุมชนจะมีการประกาศเสียงตามสาย ซึ่งเราเตรียมตัวทุกปี เพราะอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมธรรมชาติ ส่วนการแก้ไขปัญหา อยากให้ทำให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องรอคำสั่ง ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานเป็นหนึ่งเดียว หากทำได้ชาวบ้านจะอุ่นใจมากขึ้น

นางบุญทัน ยังฝากถึงนายอนุทินที่จะลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.68) อยากให้รัฐบาลที่มีอำนาจโดยตรงบริหารจัดการลุ่มน้ำมูลอย่างจริงจัง เพราะหากสั่งตรงมาสามารถทำได้อยู่แล้ว หากจริงจังจริงใจ ชาวบ้านจะได้อยู่ดีกินดีที่สำคัญบ้านเรือนที่อยู่จะได้ไม่ทรุดโทรม แต่คงไม่หวังว่าปัญหาน้ำท่วมจะหมดไป เพราะเข้าใจว่าเราเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่ขออย่าให้เหมือนปี 2562 และปี 2565 ก็พอ เนื่องจากชาวบ้านได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก​ แต่ก็ยอมรับว่าต้องปรับตัวให้ได้เพราะพื้นที่ที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่รับน้ำ​ แต่ต้องให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นคงไม่ได้เพราะเป็นที่อยู่ดั่งเดิม​ จึงอยากให้ลูกหลานที่จะอยู่ในพื้นที่นี้ต่อไปมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

อีกทั้ง ชาวบ้านยังฝากไปถึงรัฐบาล หากสามารถแก้ไขปัญหาน้ำได้ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น ประชาชนไม่ต้องเป็นหนี้ เพราะที่ผ่านมา การเยียวยาล่าช้า และได้น้อย ทำให้ประชาชนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat