ไทยสร้างไทย ระบุการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเร็วที่สุด แนะหยิบร่างปี 60 มาปรับใช้
ไทยสร้างไทย ระบุการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเร็วที่สุด แนะหยิบร่างปี 60 มาปรับใช้ เว้นแก้ไขหมวด 1 และ 2 ใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี – หนุนแก้กฎหมายประชามติ หวั่นหากทำประชามติ 3 ครั้ง อาจไม่ทันก่อนหมดวาระรัฐบาล ชงตั้งคณะกรรมการป้องกันการนำ ม.112 ไปใช้เป็นเครื่องมือ พร้อมชงเปิดช่องขอพระราชทานอภัยก่อนมีคำพิพากษาคดี ม.112
พรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวกรณีความเห็นต่อการแก้ไขร่างกฎหมายประชามติ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย ดร.โภคิน พลกุล สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายการทำประชามติ ซึ่งรายละเอียดจะพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร แต่โดยหลักการแล้วเห็นด้วยที่จะให้ประชามติสามารถผ่านได้ด้วยเสียงเพียงกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงถึง 26 ล้านกับ 1 คน
“หากไม่ใช้วิธีนี้ประชามติจะกลายเป็นเรื่องยาก แปลว่าใครนอนอยู่บ้านไม่ออกไปใช้สิทธิ์ก็เท่ากับว่าไม่เห็นด้วยกับประชาติ ไม่ต้องไปลงคะแนน ตรงนี้จะทำให้เกิดปัญหา” ดร.โภคิน กล่าว
ดร.โภคิน ระบุด้วยว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่รัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่คือปัญหาและทุกพรรคเห็นตรงกันว่าต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเคยเสนอไว้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องแก้ไขหมวด 1 หรือหมวด 2 ส่วนที่เหลือแก้ไขได้หมด ต่างจากที่คณะกรรมการและฝ่ายผู้มีอำนาจกำลังถกเถียงกัน ซึ่งอาจต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ดังนั้นจึงเสนอวิธีการที่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็มีรัฐธรรมนูญที่ได้รับแก้ไขใหม่จากประชาชน
ดร.โภคิน กล่าวว่า หลักการคือการนำรัฐธรรมนูญปี 60 มาแก้ไขใหม่ โดยปรับแก้ตั้งแต่หมวด 3 เป็นต้นไป ไม่แก้ไขหมวด 1 และ 2 โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้แก้ไข ไม่จำเป็นต้องไปถามประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 3 ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งปี หากยังเดินหน้าถามประชามติถึง 3 ครั้ง ไม่แน่ใจว่าเมื่อหมดวาระของรัฐบาลจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จหรือไม่
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มองว่าช่วงเวลานี้ยังไม่จำเป็นต้องแก้ไข ม.112 แต่จะมีการนิรโทษกรรมหรือให้อภัยกับผู้ที่กระทำผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ พรรคไทยสร้างไทยมีข้อเสนอว่าขอให้ยึดมั่นในทางสายกลาง คือการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปพร้อมกับการป้องกันไม่ให้มีการใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง
ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยจึงเตรียมการเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในเวลาอันใกล้ โดยเฉพาะข้อเสนอให้เพิ่มกระบวนการขอพระราชทานอภัยก่อนมีคำพิพากษา พร้อมชงตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองป้องกันการนำ ม.112 ไปใช้เป็นเครื่องมือ