‘อภิสิทธิ์’ หวนเวที ขึ้นปราศรัยโค้งสุดท้าย ย้ำ ประชาธิปัตย์เป็นของทุกคน อย่าลังเลที่จะเลือก
วันนี้ (12 พ.ค.66 ) ที่เวทีปราศรัย‘#saveประชาธิปัตย์ เพื่อ #ประชาธิปไตยไม่โกง ‘ ณ ลานคนเมืองกรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเวทีปราศรัยโดยเน้นย้ำว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของทุกคน ทุกวัย และขอพี่น้องประชาชนอย่าลังเลที่จะเลือก
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าตนเองเริ่มต้นทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย ตั้งแต่นายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค วันนี้ขอย้ำว่า มาเพื่อขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ตนเองเข้ามาสู่การเมืองตั้งแต่อายุ 27 ปี ไม่ได้รวย ไม่ได้มีอิทธิพลแต่ไปถึงจุดสูงสุดคือการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน ประชาธิปัตย์เป็นหนี้บุญคุณพี่น้องประชาชนตลอดไป ไม่นึกไม่ฝันว่าหาเสียงครั้งนี้ได้ พบว่ามีคนผูกพันกับผมเหมือนกับที่ผูกพันกับพี่น้องทั่วประเทศ
“มีคน เอาชื่อและนามสกุลของผมสักอยู่บนตัว สักโลโก้พรรคประชาธิปัตย์ไว้อีกข้าง“ นายอภิสิทธิ์ระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า นอกเหนือจากการที่มีโอกาสได้มาขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ผูกพันกันมา ตนเองยังเป็นหนี้บุญคุณกับอีกหลายคน ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.สs. ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบเขตของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าว่าคนเหล่านี้ คือคนคุณภาพ และพรรคได้เลือกสรรค์แล้วว่าจะมาเป็นตัวแทนที่ดีของพี่น้องประชาชนได้ และยังย้ำให้ผู้ที่มาฟังปราศรัยว่าอยู่เขตไหนให้เลือกประชาธิปัตย์ทุกเขต
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่นคือไม่มีเจ้าของ พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตยซึ่งในพรรคซึ่งพรรคอื่นไม่มี ตนเองเป็นอิสระตั้งแต่เจ้ามาอยู่ในพรรคได้เคยเถียงกับ นายชวน และหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ ซึ่งพรรคอื่นทำไม่ได้ต้องเอามือกุมฟังคำสั่งขนายอย่างเดียว
นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวถึงนโยบายของประชาธิปัตย์ ว่า มาจากหลากหลายความเห็นกลั่นกรองออกมาเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ไม่หนีไม่ไปไหนไม่เปลี่ยนชื่อเรายืดอกรับผิดชอบกับทุกสิ่งนโยบายของพรรคจึงไม่ลดแลกแจกแถมเหมือนของคนอื่น เรามีนโบายเพื่อผู้สูงอายุ เรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายอนุมัติเบี้ยยังชีพมาตั้งแต่สมัยนายกฯ ชวน ตอนตนเองเป็นนายกก็ ทำนโยบายขยายประกันสังคมและลงทุนการออม รวมถึงขยับเบี้ยยังชีพจาก 300 บาทเป็น500 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทำมาแล้ววางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ระบุต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังได้เคยอนุมัติงบประมาณให้ อสม. ซึ่งตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า ได้ทำงานในการรับมือโควิดได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นประชาธิปัตย์ยังมีความใส่ใจในนโยบายต่างประเทศ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง เรามีผู้สมัครบัญชีรายชื่อหลายคนที่เคยได้รับมือกับปัญหาเหล่านี้มาแล้ว
นายอภิสิทธิ์ยังเน้นน้ำว่าประชาธิปัตย์เป็นของคนทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นนายชวน หลีกภัย รุ่นตน และมีคนรุ่นใหม่อย่าง สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ วทันยา บุนนาค และ พงศกร ขวัญเมือง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ระบุว่าคือสิ่งแสดงให้เห็นว่ามีคนที่มาจากหลากหลายช่วงอายุ ที่พร้อมจะช่วยกันพัฒนาประเทศ
สุดท้ายนายอภิสิทธิ์ ได้เน้นย้ำให้ผู้สนับสนุนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า แม้ว่ากติกาจะมีความสับสนแต่มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ไม่ว่าจะในฐานะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นอย่าลังเลที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 14 พ.ค. นี้













