‘ปิยบุตร’ เชื่อ ‘พิธา’ ไปถึงฝัน ไม่สะดุดกรณีถือหุ้นสื่อ สงสัยทำไมไม่ร้องตั้งแต่ปี 62
‘ปิยบุตร’ เชื่อ ‘พิธา’ ไปถึงฝัน ไม่สะดุดกรณีถือหุ้นสื่อ สงสัยทำไมไม่ร้องตั้งแต่ปี 62 แต่จงใจร้องในสัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง แนะผู้มีอำนาจฟังเสียงประชาชน การเลือกตั้งคือเสียงสวรรค์ หยุดนิติสงครามเพราะหมดเวลาของพวกคุณแล้ว
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 หลังจบเวทีปราศรัยใหญ่ พรรคก้าวไกล จ.ปทุมธานี ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณีที่มีผู้ร้องว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ถือหุ้นสื่อ
ปิยบุตร ยอมรับว่าตนไม่อยากให้ความเห็นในเรื่องนี้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการร้องเท่านั้น และเห็นผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นไว้เยอะแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า พิธา ไปถึงฝันแน่นอน ได้เข้าสภาฯ และมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะอยู่ที่เสียงของประชาชนตัดสิน เชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ และหากประชาชนกาก้าวไกลอย่างถล่มทลายจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนฝากความหวังไว้ที่พรรคก้าวไกล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จริงๆ
ส่วนการตั้งคำถามจากสังคมว่าเกิดกรณีนี้เพราะความประมาทหรือไม่ ทั้งที่มีบทเรียนในกรณี ธนาธร มาแล้ว ปิยบุตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ในฐานะผู้ที่มองเข้าไป ตนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมก่อนหน้านี้เข้าไม่ร้องในเมื่อ พิธา ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ทำไมถึงต้องมาร้องในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวัฏจักรการเมืองในรอบ 20 ปีที่ใช้มาโดยตลอด ทำไมไม่แข่งขันการเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา พรรคไหนชนะก็ได้ดำรงตำแหน่ง ทำไมต้องมีกระบวนการเตะตัดขาทุกครั้ง กลายเป็นว่าประชาชนเลือกแล้วยังต้องลุ้นอีก ว่าจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น ตนคิดว่าเป็นกลไกที่ผิดปกติมากที่เรื้อรังมาตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549
ปิยบุตร กล่าวถึงการใช้นิติสงครามมุ่งทำลายกันในทางการเมือง เห็นว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยโดนเรื่องนี้ทั้งคู่ และเป็นกรณีคล้ายกัน ทั้งกรณีเด็ดหัวแคนดิเดตนายกฯ และกรณีที่จะนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อมีผู้มีอำนาจรู้ตัวว่าตนเองจะเสียอำนาจ รู้ว่าเมื่อถึงเวลากลับมาเลือกตั้งพวกคุณจะแพ้ และแพ้อย่างถล่มทลาย ก็มาใช้วิธีแบบนี้อีกแล้ว
“…ทำไมไม่เรียนรู้ประสบการณ์จากอดีต และทำความเข้าใจได้เสียทีว่า เวลากลับมาเลือกตั้ง ประชาชนเขาเป็นเสียงสวรรค์ เขายืนยันว่าจะให้ข้างนี้เป็นรัฐบาล และก็ต้องทำใจได้แล้ว เตรียมลงจากอำนาจได้แล้ว ไม่ใช่หาทางในการยื้อต่อ เราจะปล่อยให้การเมืองไทยวนเวียนอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมว่าไม่ได้แล้วหล่ะ ดังนั้นจะคิดอ่านอะไร จะเล่นพิเรนทร์อะไร อยากชวนให้มาฟังเสียงประชาชน มาเดินหาเสียงกับผมดูว่าประชาชนเขาคิดอะไร ฝากสั้นๆคำเดียวว่า Do you hear the people sing ได้ยินเสียงกร่นร้องของประชาชนไหม เวลาของพวกคุณจะหมดแล้ว คุณปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเถอะ…” ปิยบุตร กล่าวทิ้งท้าย












