‘ดร.เอ้’ ประสานเสียงประชาคมเกษตรศาสตร์ ค้านยึด ถ.สาธารณะเป็นทางด่วน
‘ดร.เอ้’ ร่วมเวทีสาธารณะ ประสานเสียงประชาคมเกษตรศาสตร์ ค้านยึดถนนสาธารณะเป็นทางด่วนเก็บค่าผ่านทาง ผิดหลักวิศวกรรม เพิ่มมลภาวะ เพิ่มอุบัติเหตุรุนแรง
วันนี้ (11 ธ.ค.68) ที่ห้องประชุมกำพล อดุลวิทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ร่วมเป็นวิทยากร เพื่อหารือแลกเปลี่ยนร่วมกับนักวิชาการ ผู้นำนักศึกษา และผู้แทนผู้อาศัยย่านเกษตร ในเวทีสาธารณะ รับฟังข้อมูล ความคิดเห็นต่อรูปแบบใหม่ของโครงการทางด่วน N1 ที่มีการใช้แนวอุโมงค์แยกเกษตร-ถนนงามวงศ์วาน-สะพานพงษ์เพชร เป็นทางด่วนเก็บเงิน
ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวว่า ทางด่วนถ้าต้องยกข้ามดอนเมืองโทลเวย์ ต้องใช้ตอม่อใหญ่และสูง เพราะต้องรองรับแผ่นดินไหวได้ด้วย ซึ่งเสาตอม่อจะต้องกินพื้นที่เข้ามาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สร้างมลภาวะทางเสียง ฝุ่น และจะเบียดพื้นที่ถนนปกติ และการนำอุโมงค์แยกเกษตรมาเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วน ทำให้เสี่ยงเกิดอันตราย เพราะรถบนทางด่วนจะมาด้วยความเร็ว เมื่อลงอุโมงค์ที่มีลักษณะโค้ง โอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงมาก
ดร.เอ้ ยังกล่าวด้วย แค่เห็นภาพจำลองโครงการ ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ทั้งหลักวิศวกรรม และผลกระทบด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นการจราจรติดขัด ฝุ่นควันพิษ อันตรายจากอุบัติเหตุ ซึ่งพรรคไทยก้าวใหม่ยืนยันว่าจะคัดค้านโครงการนี้อย่างถึงที่สุด ซึ่งทางพรรคได้ไปยื่นหนังสือคัดค้านที่กระทรวงคมนาคมไปแล้ว
ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวนำว่า เมืองขนาดใหญ่ทั่วโลก ไม่มีที่ไหนเอาทางด่วนมาอัดไว้ในเขตชุมชน ต้องใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

โครงการทางด่วนเส้นนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2537 แต่ทำค้างไว้แค่ตอม่อ เพราะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง และมีการรื้อฟื้นโครงการหลายครั้ง มีการปรับรูปแบบหลายรูปแบบ ทั้งทางยกระดับ อุโมงค์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คัดค้านทุกครั้ง เพราะส่งผลกระทบมาก แผนเดิมจะมีทั้งทางด่วน N1 N2 และ N3 ต่อเนื่องกัน แต่จากความล่าช้า ทำให้เมืองขยายตัว เส้น N 2-3 ต้องยกเลิก ทำให้เหลือแค่ N1 ทึ่ผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เท่านั้น และเมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากทำทางด่วน จะต้องยกระดับสูงมาก และต้องมีเสารับทางด่วนที่ทั้งสูงและใหญ่จำนวนมาก บดบังทัศวิสัย ซึ่งการปรับรูปแบบก่อนหน้านี้จะมีทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าอยู่ร่วมในโครงสร้างเดียวกันด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เสนอให้มีเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล โดยยกเลิกทางด่วนทั้งหมด
รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภวุฒิ มาลัยกฤษณะชลี หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสริม การสร้างทางด่วน N1 จะเกิดผลกระทบ 4 ด้าน ด้านวิศวกรรม จะทำให้กระทบผิวจราจร ทำให้รถติดหนักขึ้น ถนนงามวงศ์วานแคบเกินไป ยิ่งแบ่ง 2 ช่องทางตรงกลางเป็นทางด่วน จะทำให้ช่องด้านข้าง 2 ช่อง ไม่พอต่อการจราจร ต้องเวนคืนเพื่อขยายถนน อุโมงค์ไม่ปลอดภัย
ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การจราจรติดขัด อัดแน่นฝุ่นเสียงดังควันจากท่อไอเสีย กระทบสุขภาพมาก
ผลกระทบด้านเศรษฐศาสตร์ -ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะในเรื่องผลกระทบต่อประชาชน
ผลกระทบด้านกฎหมาย -การยึดถนนสาธารณะมาเป็นทางด่วนเก็บเงิน เป็นไปได้ทางกฎหมายหรือไม่
นายมนวรรธ์ กมลศิลป์ ตัวแทนชุมชนเกษตรศาสตร์-นวมินทร์ กล่าวว่าจากการสำรวจความคิดเห็นพบว่า ร้อยละ 60 ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะสร้างผลกระทบหลายด้านโดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศ ควันพิษระบายไม่สะดวก และจากการศึกษาความคุ้มทุนพบว่าไม่คุ้มต่อการลงทุน ต้องเวนคืนที่ดินตามแนวทางด่วนจำนวนมาก โครงสร้างทางด่วนต้องมีขนาดสูงใหญ่เพื่อข้ามรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีแดง ทำให้ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน
นายปัณณวัฒน์ ทาเทซาคี นายกองค์การบริหาร องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มีการสำรวจความคิดเห็นของนิสิตเกษตรเกี่ยวกับทางด่วน N1 ผลคือไม่เห็นด้วยถึงร้อยละ 98.5 และเห็นว่าทางด่วนกลางกรุง ไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้ กรุงเทพฯมาผิดทาง ดึงทางด่วนเข้ามากลางกรุงและผลักระบบขนส่งสาธารณะออกไปนอกเมือง
นอกจากนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของนิสิตเกษตรศาสตร์ ส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องการจราจรติดขัด เพราะจำนวนนิสิตและบุคลากร มีเกือบ 5 หมื่นคน และเรื่องของ PM2.5 ที่เชื่อว่าจะหนักขึ้น หากมีทางด่วน N1 ผ่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์













