รัฐสภา เห็นชอบถ่ายทอดสดประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ-กมธ.รับฟังความเห็นฯ
รัฐสภา เห็นชอบถ่ายทอดสดประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ-กมธ.รับฟังความเห็นฯ ให้ ประชาชนติดตามตรวจสอบ
วันนี้ (11 ธ.ค. 68) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เมื่อพิจารณาถึงมาตรา 265/25 ว่าด้วยการนัดประชุมกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปราย กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จะเป็นกลไกทดแทนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จะต้องมีความโปร่งใสไม่แพ้ รายงานความเคลื่อนไหวต่อประชาชนอยู่ตลอด จะต้องมีการถ่ายทอดการประชุมและรายงานให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาเป็นอนุกรรมาธิการหรือคณะทำงาน โดยกรรมาธิการฯ ทั้งสองคณะจะต้องมีการประชุมร่วมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะหากไม่มีการสื่อสารสม่ำเสมอ รัฐธรรมนูญออกมาจะไม่เป็นที่ต้องการของประชาชน
บทบาทสำคัญที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ต้องการของประชาชนคือกรรมาธิการฯ ทั้ง 2 คณะจะต้องทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ และรายงานต่อประชาชนเป็นระยะ โดยจะต้องมีการจัดสัดส่วนการทำงานให้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเป็นประธานคณะ ส่วน กรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นฯ เป็นรองประธานคณะ พร้อมทั้งให้สภาฯ พิจารณาแก้ไขและเพิ่มเติมให้รายงานการประชุมร่างรัฐธรรมนูญผ่านทางสื่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทราบความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เรื่องใดที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน จะได้ถูกปรับให้เป็นไปตามแนวของประชาชน
“ไม่เช่นนั้นการที่เราบอกว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด ดีกว่าที่แก้ไขในปี 2560 อาจจะไม่เป็นความจริง ดีที่สุดคือการเปิดกลไกให้มีการตรวจสอบจากสาธารณะ เพื่อให้เป็นกลไกทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็น เสนอว่าต้องจัดให้มีการประชุมอย่างเปิดเผย ประชาชนสามารถเข้าร่วมรับฟังได้ และต้องจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม ทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือทางสื่อประเภทอื่นที่ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมได้อย่างทั่วถึง และให้ประชาชนได้ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดว่า กรรมาธิการที่มารับฟังความคิดเห็นได้นำเจตนารมณ์ของประชาชนไปสะท้อนต่อ กรรมาธิการร่างฯ อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการบิดเบือน ไม่มีประเด็นที่ตกหล่น และเพื่อติดตามความคืบหน้าของการร่างรัฐธรรมนูญ
อีกข้อเสนอคือ ข้อสงวนในมาตรา 256/25/1 ที่เสนอให้มีการ จัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อให้กรรมาธิการฯ ทั้ง 2 คณะ มีการรายงานความคืบหน้าและรับฟังความเห็นหรือข้อเสนอแนะของสมาชิกรัฐสภา ทุก 2 เดือน เพราะเชื่อว่าเสียงสะท้อนจาก สส. ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด จะช่วยนำข้อห่วงใย ปัญหาที่แท้จริง และข้อเสนอจากทั้งกลุ่มพื้นที่และกลุ่มประเด็น ไปสู่โต๊ะของผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น และทั้งหมดนี้ควรเกิดขึ้นต่อหน้าประชาชนผ่านการถ่ายทอดสดของรัฐสภา
ต่อมาที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขตามกรรมาธิการฯ ที่สงวนความเห็น ด้วยคะแนนเสียง 258 เสียง เห็นชอบกับกรรมาธิการฯ ที่สงวนความเห็น ขณะที่ 232 เสียง เห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก งดออกเสียง 13 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง
นายพริษฐ์วัชรสินธุ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ ที่สงวนความเห็น ได้สอบถามว่า กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยได้สงวนความเห็นไว้แตกต่างกันเป็น 2 แนวทาง แต่เป็นเรื่องเดียวกันคือการถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการฯ ดังนั้น ควรจะปรับถ้อยคำอย่างไร
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ระบุว่า ข้อแตกต่างคือ ถ้อยคำของนางสาวพนิดา ระบุให้ใช้เสียงกรรมาธิการ 2 ใน 3 เพื่อเสนอให้มีการประชุมลับ ดังนั้นการตีความจะใช้อย่างไร จะใช้ตามข้อบังคับ หรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกรรมาธิการฯ ซึ่งถ้อยคำยังย้อนแย้งกันอยู่ หากจะใช้ตามการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย อาจต้องปรับแก้ถ้อยคำให้สอดรับกัน พร้อมเสนอให้สมาชิกตัดสินใจเลยว่า จะเห็นชอบกับผู้สงวนความเห็นท่านใด ระหว่าง นพ. เปรมศักดิ์ หรือนางสาวพนิดา
นพ.เปรมศักดิ์ ชี้แจงว่าการนำเสนอทางสื่อสาธารณะ ควรใช้ตามข้อบังคับของรัฐสภา ไม่ควรกำหนดให้ตายตัวจนไม่สามารถยืดหยุ่นได้ จึงไม่ได้ระบุรายละเอียดเหมือนของนางสาวพนิดา ซึ่งอาจนำไปสู่การปฏิบัติได้ยากกว่า
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ จึงได้กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเจตนารมณ์ ถ้อยคำ และความหมายของข้อสงวนทั้ง 2 ประการ จึงขอให้ประธานรัฐสภาพักการประชุม 15 นาที เพื่อหารือกัน ทำให้ประธานสั่งพักการประชุมในเวลา 11.56 น.
หลังจากพักการประชุมไปเกือบ 1 ชั่วโมง ที่ประชุมได้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง โดย นายพริษฐ์ สรุปความว่า ทั้งสองทางเลือก มีเจตนารมณ์เดียวกันคือ ให้ถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ ที่จะมีขึ้นเดือนละครั้ง ถ้อยคำที่แตกต่างกันสรุปได้ว่า หากเลือกแนวทางของ นพ. เปรมศักดิ์ จะมีความกระชับ แต่อาจถูกตีความว่าเจตนารมณ์หมายถึงการถ่ายทอดสดหรือไม่ เพราะไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ส่วนหากเลือกแนวทางของนางสาวพนิดา ขอยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ซึ่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถือว่าอยู่เหนือกว่ากว่า สามารถนำข้อบังคับมาใช้โดยอณุโลมได้ ในส่วนที่ไม่ขัดหรือแย้งกัน ดังนั้น ขอให้สมาชิกรัฐสภาใช้ดุลยพินิจในการลงมติทางใดทางหนึ่งได้เลย โดยที่ผลลัพธ์ก็ไม่ควรที่จะแตกต่างกัน
สุดท้ายที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับการสงวนความเห็นตามแนวทางที่ นพ.เปรมศักดิ์ เสนอ ด้วยคะแนนเสียง 415 เสียง ขณะที่แนวทางของ น.ส. พนิดา มีผู้เห็นชอบด้วย เสียง 157 งดออกเสียง 14 เสียง ถือว่ารัฐสภาเห็นชอบตามแนวทางของ นพ.เปรมศักดิ์












