POLITICS

‘ชัยธวัช’ ย้ำจุดยืน ‘ก้าวไกล’ หนุนสภาฯ แก้ ม.256 เองได้

‘ชัยธวัช’ มอง ‘เพื่อไทย’ จ่อถามศาลรัฐธรรมนูญตีความปมประชามติ ใช้เวลามากไป ย้ำจุดยืน ‘ก้าวไกล’ หนุนสภาฯ แก้ ม.256 เองได้ หวังใช้ผลคูหาแรกบีบ สว. โหวต 1 ใน 3

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ณ ลานประชาชน รัฐสภา ภายหลังพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเป็นช่องทางในการยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

นายชัยธวัช กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกล เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจโดยสมบูรณ์ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อให้มี ส.ส.ร. ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา หากอ่านดีๆ จะพบว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าต้องจัดทำประชามติ แต่แนะนำให้จัดทำประชามติก่อนเท่านั้นเอง

พรรคก้าวไกล เสนอให้ทำประชามติแต่แรก ไม่ใช่เพราะคำวินิจฉัย หรือเพราะการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เพราะเห็นว่าจะมีประโยชน์ทางการเมือง

นายชัยธวัช ชี้แจงต่อไปว่า อย่าลืมว่าถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ต้องผ่านเสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วย ขณะที่ สว. ที่ผ่านมาก็มีจุดยืนชัดว่า ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. มาทำใหม่ทั้งฉบับ ก็ควรจะต้องจัดทำประชามติ พรรคก้าวไกลจึงคิดว่าทำเลยตั้งแต่แรก ไม่เสียเวลาทำจนติดขั้น สว. เพราะจะเป็นการเสียโอกาส

นายชัยธวัช ให้ความเห็นต่อท่าทีพรรคเพื่อไทยว่า การไปถามศาลรัฐธรรมนูญก่อน อาจเป็นการเพิ่มความชัดเจนให้กับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ได้ แต่ว่าในแง่หนึ่ง มันอาจทำให้เราใช้ระยะเวลามากจนเกินไป

ทั้งนี้ นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า อย่าไปทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นทุกอย่าง เป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ คิดว่าเราใช้คำวินิจฉัยของเราเองได้ ประเด็นสำคัญไม่ใช่อยู่ที่รัฐธรรมนูญ หรือการตีความของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียว อยู่ที่ว่าเราจะหาแนวทางที่จะได้รับเสียง สว. เกิน 1 ใน 3 ได้อย่างไร ซึ่งการจัดทำประชามติครั้งแรกนั้น เราใช้คำตัดสินของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มาทำให้ สว. ยอมรับได้ คิดว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ

นายชัยธวัช เสนอว่า สามารถใช้โอกาสในการทำประชามติครั้งแรก หาฉันทามติร่วมของประชาชนได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ เพื่อสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับข้อเสนอที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี ส.ส.ร. และมีประเด็นบางประเด็นที่เราอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกันในสังคม ก็สามารถใส่เป็นคำถามพ่วงในประชามติได้ เพื่อหาข้อยุติในความคิดเห็นแตกต่างกันได้ โดยกระบวนการทางประชาธิปไตย

นายชัยธวัช กล่าวถึงคำถามพ่วงที่มีแนวโน้มความเห็นต่างกับรัฐบาลอยู่ว่า ข้อเสนอเรื่องคำถามพ่วง มาจากจุดยืนของพรรคก้าวไกลที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างแท้จริง ดังนั้น เราไม่อยากให้ออกแบบคำถามหลักในการถามประชามติที่ใส่เงื่อนไขยิบย่อย จนทำให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขยิบย่อย มาลงมติไม่เห็นด้วย หรือลงมติไม่ออกเสียง

“ดังนั้น ถ้าเราอยากเห็นการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จริง คำถามหลักควรเป็นคำถามกว้าง และมีจุดร่วมมากที่สุด ส่วนประเด็นที่มีความแตกต่างกัน ก็มาถามย่อย ส่วนจะถามอะไรก็มีเวลาหารือกัน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

Related Posts

Send this to a friend