POLITICS

‘จิราพร’ เผย สคบ.เตรียมเรียก ‘บอสพอล’-ดารา แจง 16 ต.ค. สั่งสอบคลิปเสียงหลุดเทวดาใน สคบ

ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง กรณี ‘ดิ ไอคอน’ วันนี้ (11 ต.ค.67) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งล่าสุดมีมูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อหา เช่น มีการหลอกลวงประชาชน แชร์ลูกโซ่ หรือขายตรง รวมถึงการกระทำผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งตำรวจรับปากจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุดไม่เกิน 1 สัปดาห์

ส่วนจะมีการยึดทรัพย์และให้เรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน ซึ่งเราก็กลัวว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ทางตำรวจ บก.ปคบ.ได้ทำหนังสือถึงสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้พิจารณาอายัดทรัพย์ โดยขณะนี้ ปปง.ได้เฝ้าระวังไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ถ้ามีการขยับยักย้ายถ่ายเทแบบผิดปกติจะเข้าข่ายการฟอกเงิน จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าขณะนี้ ปปง.กำลังจับตาดูอยู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นของการอายัดทรัพย์สินเพราะมีขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมย้ำว่าขอให้ประชาชนสบายใจได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในปี 2565 มีประชาชน มาร้องเรียนประเด็นนี้กับ สคบ.แต่ไม่ได้มีการรับเรื่องไว้ เนื่องจาก สคบ.ระบุว่าไม่ใช่เรื่องของผู้บริโภค นางสาวจิราพร ยอมรับว่า ในปี 2565 มีผู้มาร้องเรียน 10 กว่าราย ซึ่งถ้าดูจากพฤติการณ์ เป็น Business to Business ลักษณะการร่วมลงทุน ซึ่ง สคบ.มองว่าไม่ใช่ผู้บริโภคโดยตรง แต่มีการเชิญมาให้ข้อมูล ซึ่งตน ได้เน้นย้ำว่าประเด็นใดที่เกินขอบเขตอำนาจของ สคบ.ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกรณีที่มีเอกสารหลุดว่า สคบ. ส่งเรื่องไปที่ ตร. อย. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และได้มีการตามต่อเรื่องนี้หรือไม่ นางสาวจิราพร ยอมรับ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งปี 2561 เป็นในลักษณะบัตรสนเท่ห์ให้ตรวจสอบบริษัท The icon Group แต่ สคบ. ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบจึงได้ทำหนังสือไปที่ 3 หน่วยงานดังกล่าวซึ่งทาง อย.ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้วในปี 2562 แต่ในส่วนของ ตร.มีการตรวจสอบหนังสือที่ส่งไปว่ามีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ถ้ามีข้อมูลการสอบสวนในขณะนั้นที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาใช้ แต่ถ้ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีการเอาผิดทางวินัยโดยไม่มีการละเว้น

นางสาวจิราพร ยังชี้แจงกรณีปรากฏภาพ สคบ. มอบโล่ให้กับ ‘บอสพอล’ ว่า ตอนนั้นบริษัทฯ ได้เข้ามาบริจาคหน้ากากและแอลกอฮอล์ ให้กับการจัดสัมนากับกรรมาธิการในต่างจังหวัด ซึ่ง สคบ.เข้าไปเป็นวิทยากรร่วมจึงได้เสนอชื่อให้ได้รับโล่รางวัล ซึ่งเป็นโล่รางวัลเกี่ยวกับการทำสาธารณะประโยชน์ ไม่เกี่ยวอะไรกับการประกอบธุรกิจ ดังนั้นในประเด็นนี้ได้สั่งการให้เข้าไปตรวจสอบถ้าใช้โล่รางวัลผิดวัตถุประสงค์ หรือไปโปรโมทการทำธุรกิจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก็จะเรียกคืนโล่รางรางวัล

ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ที่บอกมีเทวดาที่ สคบ.นั้น ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคณะกรรมการกลุ่มดังกล่าวเป็นคนนอก เพื่อให้มีความโปร่งใสมากที่สุด

Related Posts

Send this to a friend