POLITICS

กต. แถลงความพร้อมรับแรงงานไทยชุดแรก เดินทางกลับประเทศพรุ่งนี้

กต. แถลงความพร้อม เตรียมต้อนรับแรงงานไทยชุดแรก เดินทางกลับประเทศพรุ่งนี้ ยอดผู้ประสงค์กลับไทยเพิ่มขึ้นเป็น 5,174 คน พร้อมสแตนบายเครื่องบิน ’ทอ. และสายการบิน พาณิชย์‘ ช่วยอพยพทั้งหมด ยอมรับไม่ทราบชะตากรรมตัวประกันทั้ง 14 ราย ย้ำจะพยายามเจรจาในทุกช่องทาง

วันนี้ (11 ต.ค. 66) เวลา 15:00 น. นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และ นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงศุล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล

นางกาญจนา เปิดเผยว่า ภาพรวมตอนนี้ได้รับรายงานยอดคนไทยที่เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บ 13 คน โดยมีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 14 คน ส่วนผู้ที่แสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับไทยขณะนี้ จำนวน 5,174 คน และผู้ที่แสดงความไม่ประสงค์เดินทางกลับ 64 คน

โดยแรงงานไทยชุดแรกจำนวน 15 คน ที่จะออกเดินทางจากอิสราเอล คืนนี้เวลา 21:45 น. จะเดินทางด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 มาถึงประเทศไทยพรุ่งนี้เวลา 10:35 น.

ส่วนชุดที่ 2 ที่เครื่องบินแอร์บัส 340 ของกองทัพอากาศที่จะออกเดอรทางไปรับคนไทย โดยจะกลับมาถึงที่ประเทศไทยในวันที่ 16 ต.ค. เวลา 04:00 น. โดยเที่ยวบินนี้สามารถรับได้จำนวนสูงสุด 140 คน แต่จะมีผู้กลับมากี่คนนั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปรับว่าจะมีกี่คน และสามารถรับแรงงานได้มาทั้งหมดกี่คน

ต่อมาคือวันที่ 18 ต.ค. คนไทยจะเดินทางกลับด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 เช่นเดียวกัน โดยมีแรงงานไทยจำนวน 80 คน จะเดินทางมาถึงไทยวันที่ 19 ต.ค. เวลา 11:00 น.

ส่วนวันที่ 24 ต.ค. มีการเตรียมเที่ยวบินของกองทัพอากาศไว้ แต่ในระหว่างที่รอขออนุญาตทำการบินผ่านน่านฟ้า จะทยอยอพยพกลุ่มแรงงานเป็นระยะ โดยจะพิจารณาใช้เครื่องบินของสายการบินพาณิชย์ เพื่ออพยพคนไทยกลับมาให้มากที่สุด

ด้านนายนฤชัย ระบุถึงการอพยพคนไทยที่จะเดินทางกลับมาในวันพรุ่งนี้ว่า หลังจากที่แรงงานกลุ่มแรกทั้ง 15 คนเดินทางมาถึง ผู้แทนรัฐบาล และกระทรวงต่างๆ จะไปรอรับเพื่อให้กำลังใจ ซึ่งจะพยามทำให้รวดเร็วและราบรื่นที่สุด เมื่อแรงงานทั้ง 15 คน ออกจากเครื่อง จะมีการต้อนรับจากผู้แทนส่วนราชการ จะผ่านขั้นตอนของตม.ตามปกติ โดยจะให้แรงงานรับสัมภาระ และเดินทางออกจากสนามบิน

จากนั้นจะส่งตัวแรงงานขึ้นรถบัสเดินทางไปที่สถาบันบำราศนราดูร โดยจะมีรถบัสจากกระทรวงคมนาคม เพื่อไปตรวจร่างกายที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุข ได้มาตรวจสุขภาพร่างกาย และสภาวะจิตใจ หลังจากนั้นจะมีกระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลเรื่องเงินชดเชยรวมถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งอาจจะมีญาติของแรงงานไปรอรับบริเวณนั้น หลังจากนั้นก็จะให้เดินทางกลับภูมิลำเนา

ขณะที่นายสมาสภ์ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือแรงงาน 15 คนที่เดินทางกลับถึงไทยในวันพรุ่งนี้ว่าจะดูแลเรื่องกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ทั้งหมด 15 คนเป็นสมาชิกกองทุนทั้งหมด ซึ่งจะได้สิทธิจากกองทุนทั้งหมด

โดยทั้ง 15 คน มีภูมิลำเนาต่างกัน คือ จ.ตาก 1 คน, จ.สุรินทร์ 1 คน, จ.หนองบัวลำภู 4 คน, จ.น่าน 1 คน, จ.พะเยา 1 คน จ.นครราชสีมา 1 คน, จ.เชียงราย1 คน, จ.ยโสธร 1 คน จ.หนองคาย 1 คน, จ.อุดรธานี 1 คน จ.สกลนคร 1 คน และ จ.อุบลราชธานี 1 คน

สำหรับเงินสงเคราะห์ที่จะได้รับในชั้นแรก เมื่อเดินทางกลับมาแล้ว จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกองทุน กับคนที่อพยพจากสงคราม รายละ 15,000 บาท สำหรับกรณี ที่ได้รับบาดเจ็บก็จะรับคำร้องไว้ เพื่อจะพิจารณาพิจารณาพิจารณาว่าจะได้รับเงินอีก 15,000 บาท ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบ

นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังได้จัดเตรียมรถบัสรับญาติพาญาติมาที่สุวรรณภูมิ และรับตัวส่งถึงภูมิลำเนา ส่วนกรณีที่แรงงานเดินทางกลับมา โดยยังไม่ได้รับค่าจ้างกระทรวงแรงงาน ซึ่งทูตแรงงานอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อที่จะขอได้ค่าจ้าง และจะช่วยเจรจาเรื่องการรักษาสิทธิแรงงานหากต้องเดินทางกลับไปประเทศอิสราเอลในช่วงภาวะปกติ

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังเปิดเผยอีกว่าล่าสุดได้รับรายงานจาก สถานทูตทางจอร์แดนและอียิปต์ ทราบว่ามีแรงงานในอิสราเอลได้ติดต่อขอเดินทางข้ามประเทศ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ใกล้กัน ยืนยันว่า สถานทูตไทยแต่ละแห่งพร้อมต้อนรับ แรงงานสามารถเดินทางไปขอรับความช่วยเหลือกับสถานทูตในประเทศใกล้เคียงได้แต่ต้องมั่นใจว่าจะต้องการเดินทางอย่างปลอดภัย

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตัวประกันซึ่งเป็นแรงงานคนไทยทั้ง 14 คนปลอดภัยดีแล้ว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ในช่วงบ่ายร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ซึ่งยอมรับว่ายังไม่ทราบว่าแรงงานถูกจับกุมตัวไปไว้ที่ไหน มีความปลอดภัยหรือไม่ แต่ก็ภาวนาขอให้ทุกคนปลอดภัย เพราะเชื่อว่าชาวต่างชาติไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของกลุ่มฮามาสที่จะก่อเหตุ โดยทางการไทยพยายามที่จะเจรจาขอการปล่อยตัวในทุกช่องทาง

Related Posts

Send this to a friend