POLITICS

มือกฎหมาย ‘เพื่อไทย’ โต้ปมยุบพรรค ยัน ‘ณัฐวุฒิ’ มีสิทธิช่วยหาเสียง ไม่ครอบงำพรรค

มือกฎหมาย ‘เพื่อไทย’ โต้ปมยุบพรรค ยัน ‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ มีสิทธิช่วยหาเสียง ไม่ครอบงำพรรค แนะประชาชนแยกแยะขบวนการดิสเครดิตแลนด์สไลด์

วันนี้ (11 มี.ค. 66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ชี้แจงถึงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงอไม่อาจทำได้ และการติดป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยมีแต่รูปนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยไม่มีนโยบายของพรรคเพื่อไทย จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบ กกต. และอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรค

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การให้ความเห็นในทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องเคารพทุกความเห็นแต่ผู้ให้ความเห็นดังกล่าวควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่มีอคติด้วย สำหรับกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ได้ให้ความเห็นนั้นเห็นชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายมาก โดยเฉพาะประเด็นดังนี้

ประเด็นแรก กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ทำกิจกรรมทางการเมืองในนามของผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยนั้น กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยก็ถือเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายและกิจกรรมหาเสียงของพรรคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการกระทำใดของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่จะถือเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค จนทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเลย นอกจากนี้คนทั่วไปก็รู้ว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาก่อน การที่นายณัฐวุฒิ จะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคย่อมเป็นเรื่องปกติ

ในประเด็นนี้เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาให้ความเห็นยังไม่เข้าใจถ้อยคำและความหมายของคำว่า ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง กับถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้ใช้ถ้อยคำปนเปกันไปหมด โดยกรณีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้น เคยถูกจำคุกมาก่อนและยังไม่พ้น 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งรวมถึงห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย แต่เขามิได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่อย่างใด จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นศึกษากฎหมายให้ดีเสียก่อน

ประเด็นที่สอง กรณีที่พรรคเพื่อไทยติดป้ายหาเสียงโดยมีรูปของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และไม่มีรูปหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนโยบายของพรรคนั้น เรื่องนี้ คงต้องขอให้นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ไปดูระเบียบ กกต. ให้ชัดเจนว่า ป้ายหาเสียงนั้นเขาให้ระบุอะไรได้บ้าง ซึ่งตามระเบียบ กกต. นั้น สามารถระบุชื่อพรรค โลโก้พรรค คติพจน์ คำขวัญ ภาพของผู้สมัคร และภาพของสมาชิกพรรคได้ ดังนั้น นางสาวแพทองธาร เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคก็สามารถนำภาพนางสาวแพทองธาร ขึ้นบนป้ายหาเสียงได้ และในแต่ละป้ายก็มีชื่อพรรคและสโกแกนในการหาเสียงของพรรคติดไว้ด้วย เช่น “เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นว่าป้ายหาเสียงของพรรคจะผิดระเบียบ กกต. แต่อย่างใด

นายชูศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผู้ให้ความเห็นใดๆ ประชาชนควรแยกแยะว่าเป็นไปโดยอิสระหรือมีอคติ ต้องการดิสเครดิตทางการเมือง ทั้งหมดดูได้จากพฤติกรรมที่ผ่านมา ในส่วนของพรรคก็จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ต่อไป นอกจากนี้นายชูศักดิ์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ได้มีขบวนการที่ออกมาเพื่อสกัดเป้าหมายในการแลนด์สไลด์ของพรรค โดยนำเรื่องที่อ้างว่าพรรคจะถูกยุบมาขยายความเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อไม่ให้เลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งขอยืนยันว่าพรรคยังไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนให้ดำเนินการชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนได้เชื่อมั่นว่าการสร้างกระแสว่าพรรคจะถูกยุบนั้นเป็นเรื่องการทำลายเครดิตทางการเมืองเท่านั้น

Related Posts

Send this to a friend