POLITICS

‘ภูมิธรรม‘ จ่อ ออกคำสั่งให้กลุ่มเอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ พ้นพื้นที่ชายแดน – ห้ามเข้าเมียนมา

‘ภูมิธรรม‘ จ่อ ออกคำสั่งให้กลุ่มเอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ พ้นพื้นที่ชายแดน – ห้ามเข้าเมียนมา ชี้ มีคนถูกโยงจากทั้งในและนอกประเทศกว่า 300 – 400 คน พอใจ มาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยัน ไทยพร้อมรับเหยื่อส่งกลับ แต่ประเทศต้นทางต้องรับไปดูแลเอง

วันนี้ (10 ก.พ. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการออกคำสั่งเรียกบุคคลที่มีข้อกล่าวหาว่าพัวพันการกระทำความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ออกนอกพื้นที่ที่มีบทบาทและอำนาจทั้งหมดบริเวณชายแดน ว่า ขอรอคำสั่ง ยังไม่สามารถสรุปขนาดน้้นได้ ว่าใครมีส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะยังไม่ได้สรุปว่าใครมีความผิดอะไร แต่ขอให้ออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อให้เราทำงานได้สะดวก และห้ามข้ามไปยังฝั่งเมืองเมียวดี

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการประเมินการตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานจากกลไกรัฐ และรับฟังจากจังหวัด รวมถึงทางข่าวลับของเรา ก็คิดว่าได้ผลดีพอสมควร ขณะนี้ก็เกิดความปั่นป่วนบ้างที่ชายแดนเมียนมา แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาความรับผิดชอบของเรา ไม่ว่าจะการเดินขบวนหรืออะไรก็ตาม เพราะว่าวันนี้เราต้องการกดดันให้ส่วนที่มีอำนาจอยู่ในแผ่นดินเมียนมา ได้รับทราบ และรับรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตนนั้น ถูกสร้างผลสะเทือนกับประเทศไทย และยังเป็นผลกระทบกับโลกด้วย

ฉะนั้น ถ้าหากว่าคิดว่าสิ่งนี้เป็นปัญหา ก็ต้องกลับไปกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ให้เป็นแหล่งที่มั่วสุมในเรื่องต่างๆ ออกจากพื้นที่ไป ซึ่งเท่าที่ฟังจากหน่วยข่าวต่างๆ และกองกำลังที่ปฏิบัติการอยู่ ก็คิดว่าอย่างน้อยที่สุด กระแสไฟฟ้าที่ใช้โดยเฉพาะเมืองหรือจุด ที่เราคิดว่ามีปัญหา ก็ลดลงตามลำดับ และวันแรกที่เราใช้มาตรการ ก็มีจำนวนตัดไฟฟ้าลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่กองกำลังทหารชายแดนหรือหน่วยต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเราซีล เราก็ทำหน้าที่จัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในเมืองพญาตองซูก็มีการขับไล่คนจีนเทาออกจากพื้นที่ และในส่วนอื่น ๆ ก็ทำได้ดีพอสมควร ซึ่งเราก็กวดขันไม่ให้มีการลักลอบ และใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด กระทำผิดกับของแก๊งซ็นเตอร์ ทางทหาร และตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครอง ที่ตนได้คุยทั้งหมด ก็ก็ถือว่าร่วมงานกันได้ดีพอสมควร แต่ว่าก็อาจจะมีปัญหาบ้างบางประการ แต่ไม่เป็นอุปสรรค ถ้าพบว่าตรงไหนเป็นอุปสรรคเราก็จะดำเนินการตามขั้นตอน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.พ. 68) ตนเองจะเดินทางไปที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ ก็ลดขนาดลง เพราะการใช้ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ก็ไม่เสถียร ถึงแม้จะมีการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำอยู่บ้างก็ตาม ก็เป็นปัญหาที่เราต้องกดดันกันต่อไป โดยทางฝ่ายพื้นที่ประเมินว่า ต้องลดระดับลงหรือเปลี่ยนจุดที่เป็นปัญหา ซึ่งในพื้นที่ปอยเปตเรารู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เราได้รับรายชื่อของกลุ่มต่าง ๆ ทั้งใน และนอกประเทศประมาณ 300 ถึง 400 เครือข่าย และดำเนินการตรวจสอบในทางลับอยู่ หากจะมาพูดหรือโวยวายอะไรต้องบอกว่ามีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการนิติธรรม ไม่ใช่มาพูดตรงนั้นตรงนี้ และแนะนำไปเรื่อย

“หากคิดว่าตัวเองมีหลักฐานอะไร ก็เอามาเสนอ มีหลักฐานชัดเราไม่ปล่อยไว้แน่นอน แต่การพูดลอย ๆ เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติไม่ได้ เพราะหากโดนฟ้องกลับเจ้าหน้าที่จะตายหมด ถ้าคิดว่าอะไรมีปัญหาให้เอามา อย่าจินตนาการหรือไปเขียนข้างนอก ให้เอามายื่นเราจะจัดการ ถ้ามายื่นแล้วเราไม่จัดการให้เอาหลักฐานนั้นไปแฉให้ทุกคนดู ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วเราไม่จัดการค่อยมาตำหนิ“ นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนคนไทยถูกหลอก มีโอกาสที่จะช่วยออกมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการทุกทางที่จะกดดันให้ออกมา ตัวเลขที่จะส่งกลับมามีทั้งคนไทย และส่วนอื่นต้องดูเป็นล็อต ๆ โดยเรามีเงื่อนไขว่า ถ้าจะส่งมาที่ไทย ประเทศต้นทางของเขาต้องพร้อมจะรับกลับไป ไม่เช่นนั้น รับมาแล้วมาอยู่ที่ชายแดนของเรา จะกลายเป็นค่ายอพยพ และเวลานี้ NGOs ที่อยู่ในค่ายอพยพไม่ได้มีเงินพอที่จะดูแล จะให้รัฐบาลไทยไปรับผิดชอบก็คงไม่ไหว

ทั้งนี้ เราได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศ โดยสถานทูตที่มีบุคคลของเขาอยู่ในข่ายถูกหลอกไป พร้อมจะมารับคนของเขากลับ ทั้งยุโรป แอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย หลายประเทศพร้อมมารับ และขอบคุณประเทศไทย เขาอยากรับคนของเขากลับ แต่ไม่มีเส้นทางที่จะเข้าไป เมื่อไทยจัดการได้เขาก็ขอบคุณ และที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเบาะแสให้เราทราบเป็นระยะ โดยหลายเรื่องเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เราต้องระวัง การแก้ปัญหาหลายเรื่องเราต้องมั่นใจ และคำนึงถึงผลกระทบ การแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกัน และกันทำให้เราได้เบาะแส และหลักฐาน

ส่วนกรณีที่มีการชุมนุมกดดันในประเทศเพื่อนบ้านว่าจะปิดชายแดนไม่ให้สินค้าไทยเข้าไปนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า เขาต้องพึ่งเรา หากไม่มีสินค้าไทยเข้าไป เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน เนื่องจากชายแดนบริเวณนั้นยังมีเหตุสู้รบ ยังต้องการปัจจัยอะไรอีกหลายอย่าง การกระทำแบบนี้ไม่เป็นปัญหา และไม่มีผลกับเรา ที่จะให้ลดการกดดัน

ขณะที่กระแสข่าวว่ามีตำรวจ จ.เชียงใหม่ เข้าไปพัวพันกับแก๊งคอลเซนเตอร์ได้มีการตรวจสอบข้อมูลแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม เผยว่า อยู่ในกระบวนการ หากใครมีข้อมูลเพิ่มให้ส่งเข้ามา และอยากให้มองภาพรวม ว่าถ้ามีความผิด

ส่วนการถอนสัญชาติ กับคนที่เกี่ยวข้องกับตึก 25 ชั้นในปอยเปต นายภูมิธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติพยายามทำงานอยู่ โดยนายภูมิธรรมได้ยกตัวอย่าง ว่า หากมีกรณีรถขนยาเสพติดขับเข้ามา แต่ไม่จับเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการสะกดรอยตาม เพื่อให้ไปถึงจุดพักยา และสาวไปจนถึงเครือข่าย เพื่อจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ หากเจอแล้วจับทันทีก็ไม่ได้อะไร อาจจะได้แค่คนรับจ้าง เป็นการตัดวงจร ทั้งนี้ เรื่องการปราบกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีกำหนด จะทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจและตอบโจทย์ของเรา

Related Posts

Send this to a friend