นายกฯ เมินไร้องครักษ์พิทักษ์ตู่ อภิปรายทั่วไป หลังร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ

นายกฯ เมินไร้องครักษ์พิทักษ์ตู่ อภิปรายทั่วไป หลังร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ ชี้ ตัดสินใจยุบสภาฯ – อยู่ครบเทอม ไม่กระทบ ส.ส.ย้ายสังกัดพรรคแน่ ปัดพี่น้องแข่งกันเอง ปม พปชร.ยก พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดต
วันนี้ (11 ม.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณี ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เตรียมความพร้อมในการชี้แจงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ว่า ก็สุดแล้วแต่ว่าทางสภาฯ จะว่าอย่างไร โดยขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลที่จะต้องหารือกัน ส่วนเบื้องต้นจะเป็นเมื่อใดนั้น นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับว่าสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปแล้วไม่ใช่หรือ ขึ้นอยู่กับซึ่งขึ้นอยู่กับทางสภาฯ โดยฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลตกลงกัน แต่ตนบอกว่าวันเวลาแบบนี้ อย่าใช้เวลามากนักเลย
พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เป็นการต่อสู้ทางการเมือง บ้านเมืองกำลังมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็ต้องดูว่าปัญหาเราแก้ไขอะไรไปแล้วบ้าง หากพูดกันแต่เรื่องไม่ดีมากนัก ทุกอย่างก็รวนไปหมด หาสิ่งดีๆ กันให้เจอบ้างสิ มีจำนวนมาก
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเองในทุกประเด็นหรือไม่นั้น นั่นมันเรื่องของผม เป็นการตัดสินใจของผมในสภาฯ ก่อนจะกล่าวว่าอย่าถามคำถามล็อกผมแบบนี้ ผมตอบไม่ได้หรอก เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าผมจะตอบหรือไม่ตอบ เพราะหลายอย่างเป็นสิ่งที่อภิปรายกันมาในหลายปีแล้ว เวลาตนพูดก็ไม่ฟัง
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐแล้วจะกังวลหรือไม่เนื่องจากไม่มีองครักษ์พิทักษ์เหมือนการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ ชักสีหน้า พร้อมระบุว่า ไม่เกี่ยว ผมทำประโยชน์เพื่อคนส่วนรวม คือใครจะพิทักษ์ไม่พิทักษ์ก็ตามใจก็แล้วแต่ แต่ผมถือว่าเป็นบทบาทและหน้าที่ของ ส.ส. ทุกคนต้องช่วยกันเอาบ้านเมืองเป็นหลักไว้ก่อน
ส่วนที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดงานเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาชี้แจงไปแล้วนี่ ซึ่งในเรื่องของทางกฎหมายก็มีการปรึกษากับทาง กกต.อยู่แล้ว ว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
เมื่อถามว่ายังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าจะอยู่ครบเทอมในการบริหารประเทศนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ตนจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ เมื่อถามย้ำว่าจะอยู่บริหารประเทศครบเทอมใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่เพื่ออะไรถ้าต้องอยู่ ต้องอยู่ให้ครบถ้ามันจำเป็นต้องอยู่ก็ต้องอยู่ให้ครบ ส่วนจะครบถึงวันที่ 23 มีนาคม 2566 นี้ หรือยุบสภาฯก่อน พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับสื่อฯว่า คำถามแบบนี้ประชาชนได้อะไร สื่อฯ จึงตอบกลับว่าประชาชนก็รออยู่ เพื่อเตรียมเลือกตั้ง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เลือกตั้งก็คือเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามกระบวนการเลือกตั้งใช่ไหมเล่า สื่อมวลชนจึงถามย้ำว่า ส.ส.เองก็รออยู่ เพื่อรอความชัดเจนในการสังกัดพรรคการเมืองใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็เห็นว่าเป็นอย่างนี้มาตลอด ผมก็ดูให้อยู่แล้ว วันเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เขาจะไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งการเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ใช่ว่าจะมาเป็นในสมัยนี้เมื่อไหร่ พร้อมย้ำว่ามันก็ทันของเขาอยู่แล้ว ผมไม่ทำให้เขาเสียหายอยู่แล้ว ทุกคนก็มีหลักการของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ส่วนจะเริ่มทำกิจกรรมร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมก็ถูกกฎหมายของผมอยู่แล้ว อย่าลืมว่าผมก็มีบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องระมัดระวังอย่างที่สุดก็แล้วกัน อะไรที่เป็นงานของรัฐบาลงานของนายกรัฐมนตรี ผมก็ต้องทำต่ออยู่แล้ว เรื่องของพรรคก็เป็นเรื่องของพรรค ก็เป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคดูแลอยู่แล้ว ผมให้เครดิต
เมื่อถามถึงกระแสตอบรับหลังเปิดตัวร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นเช่นไรนั้นพลเอกประยุทธ์ ย้อนถามกลับสื่อมวลชนว่าก็ต้องถามเธอสิ มาถามอะไรผม เมื่อถามยามว่ามี feedback อะไรกลับมาหรือไม่ นายกกล่าวว่าตนก็อ่านในโซเชียล ในสื่อฯ ที่พูดกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว
ส่วนการที่พล.อปประยุทธ์ต้องเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจต้องชิงตำแหน่งแข่งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรค มีความหนักใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับว่า ไปเกี่ยวอะไรกับท่านล่ะ เมื่อถามยามว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจะต้องมาแข่งกันทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่าผมไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้ว หลายคนก็พูดว่าต้องมาเคลียร์ใจกัน ตอนเช้าก่อนเข้าห้องประชุม ครม.( ห้องสีเหลือง) ห้องนั้นเป็นห้องที่ก่อนการประชุม ครม.ใครจะเข้ามาก็ได้ ไม่ใช่ว่าตนจะต้องไปเคลียร์ จะเคลียร์อะไรกันนักหนา คนเราถ้ามีความผูกพันกันก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องการเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง ท่านก็เข้าใจผมก็เข้าใจ ต่างคนต่างเข้าใจแล้วมันจะอะไรกันนักหนา
เมื่อถามว่าก่อนที่จะตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีเสียง ส.ส.ในมือ 25 เสียงเพื่อเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ชี้ไปทางสื่อและกล่าวว่า ก็รู้กันอยู่แล้ว รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ส่วนมีความมั่นใจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็ไม่รู้แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน อยู่ที่ประชาชน จะได้ ส.ส 5 คนหรือ 10 คน 20 คน 25 คน หรือเท่าไหร่ผมไม่รู้ ผมจะไปรู้ใจประชาชนได้อย่างไร ขอให้ไปถามประชาชน
เมื่อถามย้ำว่าได้คุยกับพล.อ.ประวิตรแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขาก็พูดแล้วว่าคุยกันทุกวันนั่นแหละเรื่องการทำงาน และเมื่อถามว่าได้คุยกันเรื่องการจับมือทำงานหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ ยังไม่ได้พูดถึงตรงนั้นวันหน้าค่อยว่ากันอีกที วันนี้เอาให้มันผ่านพ้นกันไปก่อน
ส่วนอยากจะพูดถึงการเมืองอะไรขณะนี้ พลเอกประยุทธ์ตอบทันทีว่า ไม่อยากพูด และเดิน หันหลังกลับไป ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามทายทิ้งท้ายเพราะอะไร นายกรัฐมนตรีตอบสั้นๆว่าเพราะเบื่อ สื่อมวลชนจึงถามว่าเบื่ออะไร นายกรัฐมนตรีตอบกลับว่า เบื่อคำถามเธอไง และขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทันที