‘พริษฐ์’ ไม่เห็นด้วย กมธ.เสียงข้างมากตัดประเด็น กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ-สภาที่ปรึกษา
‘พริษฐ์’ ไม่เห็นด้วย กมธ.เสียงข้างมากตัดประเด็น กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ-สภาที่ปรึกษา ยันไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล ใช้หลักการเดียวกับ ปชช.เลือกตั้ง สส. แต่สภาฯ เป็นผู้โหวตเลือกนายกฯ
วันนี้ (10 ธ.ค. 68) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ อภิปรายมาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า เข้าใจดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ต้องอาศัยฉันทามติจากทุกฝ่าย ตนเองจึงพร้อมรับฟังทุกความเห็นต่างและหาจุดกึ่งกลาง แต่ต้องยืนยันว่า ในมาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเองไม่เห็นด้วยกับมติของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก หากการประชุมวันนี้เกิดขึ้นก่อน 10 ก.ย.68 คงไม่ต้องถกเถียงกันมาก เพราะเวลานั้นทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า สสร.เป็นกลไกที่มีความชอบธรรม แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายจึงเผชิญกับข้อจำกัดมากกว่าเดิม
ตนเองเข้าใจว่าเหตุผลหลักที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ตัดประเด็นคณะกรรมาธิการยกร่างฯ และสภาที่ปรึกษาซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามที่พรรคประชาชนเสนอไว้ออกไป ไม่ใช่เพราะเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่มีประโยชน์ในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่เพราะเกรงว่าจะขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตนเองจึงต้องสงวนความเห็นเพื่อยืนยันว่า ข้อเสนอของพรรคประชาชนไม่ขัอต่อคำวินิจฉัยแต่อย่างใด
1.หากดูความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 85 ว่าการเลือกตั้งโดยตรง หมายถึงผู้เลือกตั้งเป็นผู้เลือกและชี้ขาดว่าใครจะถูกรับเลือก ดังนั้น การที่ประชาชนเลือกผู้ร่างมา 70 คน โดยไม่มีหลักประกันว่าทั้ง 70 คนนั้น ใครบ้างจะถูกคัดเลือกโดยรัฐสภา 35 คน จึงไม่ถือเป็นการเลือกตั้งโดยตรง
2.ตามกติการัฐธรรมนูญ 2560 ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในประเทศนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่มาจากการคัดเลือกของสภาฯ ในมุมเดียวกัน การเลือกนายกรัฐมนตรีเกิดจากประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้ง สส. จากพรรคต่าง ๆ และผลการเลือกตั้งนั้นจะกำหนดว่ารัฐสภาจะเลือกนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตคนไหน จึงไม่ต่างจากการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญตามที่พรรคประชาชนเสนอ
สำหรับสภาที่ปรึกษาไม่ใช่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ให้ประชาชนเลือกมาโดยตรงไม่ได้ ดังนั้น จึงสามารถกำหนดให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ อีกทั้งอำนาจหน้าที่ของสภาที่ปรึกษา คือการรวบรวมและรับฟังความเห็นจากประชาชน โดยไม่มีอำนาจลงมติใด ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นอกจากนี้ ข้อกังวลที่ว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องฟังความเห็นจากสภาที่ปรึกษา อาจถูกตีความว่าสภาที่ปรึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ตนเองมองว่า เป็นการตีความที่เกินเลยไป เพราะจะหมายความว่า หากสมมติเรากำหนดให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องฟังความเห็นจากนายก อบจ. เพื่อให้เข้าใจความเห็นของประชาชนจากทุกจังหวัด ก็แปลว่าจะทำไม่ได้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายก อบจ. ก็มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเช่นกัน












