POLITICS

‘ณัฐพงษ์’ ขอสมาชิกรัฐสภา เห็นชอบกับการสงวนความเห็นจาก กมธ.

เพื่อกระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ขณะ ที่ประชุมโหวต มาตรา 256/1

วันนี้ (10 ธ.ค. 68) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พุทธศักราช …. โดยมีนายมงคล สุรัจสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เมื่อพิจารณาถึงมาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเพื่อสอบถาม และย้ําถึงวัตถุประสงค์ของการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญกันในวันนี้ ต่อเพื่อนสมาชิกรัฐสภาทุกคน และประชาชนที่รับฟังอยู่ว่า หลักสาระสําคัญของมาตรา 256/1 คือองค์ประกอบและที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีการพูดคุยถึงเรื่องสูตร 20 หยิบ 1 รวมถึงเรื่องอื่น ๆ สิ่งที่ตนเองอยากชวนทุกท่านคิด ทุกท่านคุย คือ เราถามว่ากระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เรียกว่าเป็นอุดมการณ์ในอุดมคติที่พวกเราอยากได้นั้นเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกท่านมีคําตอบในใจที่เหมือนกัน คือเราอยากได้กระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สีใดสีหนึ่งในประเทศนี้ ที่สามารถกินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในกระบวนการต่อ ๆ ไปได้

“เราอยากได้กระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เราอยากได้กระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เราพอจะมั่นใจได้ว่า ผู้ที่จะเข้ามาทําหน้าที่เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปนั้น จะทําให้ทิศทางของประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่ประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ใช่ถอยหลัง สุดท้ายเราอยากจะเห็นหน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีการปลดล็อกเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปในอนาคต ใครสามารถทําได้ มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ติดล็อกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า 4 ประการสำคัญ ที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ เชื่อว่าหากมีไมค์ของสื่อมวลชนไปจ่อปากสมาชิกรัฐสภาทุกคน ไม่มีใครที่จะพูดปฏิเสธหรอก ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป กระบวนการในการยกร่าง เพื่อให้ได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น เราทุกคนอยากจะเห็นกระบวนการและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นอย่างนี้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ด้วยข้อจํากัดทางการเมือง สภาพทางการเมืองที่เป็นจริง เราเห็นกันอยู่ ตนเองก็มีความเข้าใจ ทั้งเรื่องกระบวนการในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 เห็นชอบในวาระที่สาม รวมถึงเงื่อนไข 1 ใน 5 ของฝ่ายค้าน ที่ทําให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้น ถ้าจะเดินหน้าได้ผ่าน ก็ต้องเป็นฉบับที่เป็นตรงกลาง ที่ทุกฝ่ายสามารถเห็นชอบร่วมกัน และเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้

รวมถึงกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด ที่ออกมาตอบเกินคําถามว่า ไม่สามารถที่จะมีผู้ยกร่าง ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนได้ นี่คือข้อจํากัดทางการเมืองต่าง ๆ ที่ตนเองเชื่อว่า ทุกท่านทราบดี

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนเองอยากอภิปราย เพื่อเตือนสมาชิกรัฐสภา ต่อการพิจารณาทุก ๆ มาตราต่อจากนี้ ไม่ว่าท่านจะมีจุดยืน หรือข้อคิดเห็นอย่างไร สิ่งหนึ่งอย่าลืมว่า สุดท้ายสิ่งที่พวกเราจะต้องได้รับความเห็นชอบ คือการได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้จะต้องไปออกเสียงประชามติ ในการเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น ขอย้ําอีกหนึ่งครั้งว่า อยากให้ทุกท่านถอยกลับมาใน 4 ประเด็น ที่ตนได้ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก ว่าสุดท้ายคนที่มีอํานาจสูงสุดในการผ่านความเห็นชอบกระบวนการประชามติประชาชนอยากได้อะไร

1.สูตร 20 หยิบ 1 เป็นวิธีป้องกันอย่างดีที่สุดแล้ว ที่ไม่ให้เกิดการกินรวบได้ ในสัดส่วนของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ

2.กรอบเนื้อหาต้องเปิดกว้าง ยกระดับเรื่องสิทธิเสรีภาพ ยกระดับความเป็นประชาธิปไตย อย่าไปตีกรอบเรื่องการแก้ไขระบบการเมือง ศาล องค์กรอิสระต่าง ๆ ที่เราควรต้องป้องกันไม่ให้ถูกใช้เป็นกระบวนการนิติสงคราม ทุบทําลายตัวแทนจากประชาชนในอนาคต รวมถึงกรอบเนื้อหาที่ส่งเสริมการกระจายอํานาจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ตนเองเห็นร่างของกรรมาธิการฯ ข้างมากออกมาอยู่ในมาตรา 256/26 ก็เป็นสิ่งที่ดี ที่กรรมาธิการฯ ได้หาจุดตรงกลางตรงนี้ในการเดินร่วมกันได้

3.รวมถึงการปลดล็อกกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ ไป โดยใช้เสียงของรัฐสภาเสียงข้างมาก ซึ่งไม่ต้องมีเงื่อนไขเสียงสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 เป็นสิ่งที่ตนเข้าใจว่า อาจมีข้อเห็นแย้ง จากสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเห็นแล้วว่ากรรมาธิการฯ เสียงข้างมากพยายามหาจุดตรงกลาง ที่เราจะทําให้กระบวนการในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น เป็นไปตามความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้นได้

4.ตนเอง และพรรคประชาชน เราเห็นว่าข้อเสนอของพวกเราที่ได้มีตัวแทนสงวนคําแปรญัตติ สงวนความเห็นไว้ เรื่องของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น สามารถมาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมได้ รวมถึงเรื่องคณะที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ เรายังมีความเห็นว่าข้อเสนอนี้ ไม่ได้มีความแย้งกับคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างไร

ดังนั้น ขอเชิญชวนท่านสมาชิกทุกท่าน ย้อนกลับไปดูเจตจํานงเริ่มต้นที่พวกเราเดินหน้ากระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะสุดท้ายแล้วเราควรจะต้องทําหน้าที่ของพวกเราในสภาอย่างเต็มที่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน เพราะสุดท้ายประชาชนจะเป็นคนอนุมัติความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทุกท่านโหวต เพื่อให้กระบวนการในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด โดยการเห็นชอบกับการสงวนความเห็นจากกรรมาธิการฯ พรรคประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะกรรมาธิการฯ อภิปรายว่า ประเด็นในมาตรา 256/1 ได้มีการอภิปรายหลายครั้งในกรรมาธิการฯ เพราะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด เราเข้าใจดีว่า อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง

ทั้งนี้ เนื่องจากเอกสารที่รัฐสภาส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ มีเอกสารแนบไปด้วย คือร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน คู่กับหนังสือถือประธานศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น ตนเองจึงได้ประท้วงสมาชิกที่ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำขอ เพราะไม่สามารถทำได้ ตามหลักทั่วไปของนิติศาสตร์ว่าห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอ จึงขอให้อย่ากล่าวอ้างในลักษณะดูหมิ่นศาล เพราะมีโทษทางอาญา

นายณัฐพงษ์ กล่าวตอบว่า ตามข้อบังคับ หากตนเองมีการพูดคุย หรืออภิปรายที่กล่าวถึงบุคคลภายนอก ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบคําพูดของตนเอง พร้อมยืนยันว่า ได้อภิปรายตามข้อบังคับทุกประการ หากคําพูดการอภิปรายจะส่งผลกระทบต่อตัวตนเอง ตนรับผิดชอบตัวเองได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.27 น. ในการพิจารณามาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 328 เสียง ไม่เห็นชอบ 266 เสียง งดออกเสียง 21 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง หรือคือที่ประชุมเห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ที่ให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และกรรมาธิการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คน จากการคัดเลือกโดยรัฐสภา

Related Posts

Send this to a friend