‘พริษฐ์’ ย้ำ พยายามหาฉันทามติแก้ รธน. หลังมีข้อเสนอหลายแนวทาง
‘พริษฐ์’ ย้ำ พยายามหาฉันทามติแก้รัฐธรรมนูญ หลังมีข้อเสนอหลายแนวทาง เชื่อ 12 พ.ย. ได้ข้อสรุป ปัด คุมกลไกตามธง ปชน. ยัน หาจุดกึ่งกลางที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณารัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา เปิดเผยถึงการประชุม กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ หลังเกิดการสะดุดว่า พรรคประชาชนไม่ได้พยายามควบคุมให้เป็นไปตามโมเดลที่เสนอ แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นว่าข้อดีของร่างแก้รัฐธรรมนูญที่เสนอเป็นอย่างไร ยิ่งพอรัฐสภามีมติให้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ทำให้ยิ่งต้องมีหน้าที่อธิบายหลักการ และเหตุตผล ให้กมธ.เห็นคล้อยตาม
ทั้งนี้ สิ่งที่อยากให้ กมธ. แสวงหา คือฉันทามติของทุกฝ่าย เพราะรู้ว่ากรณีผ่านวาระสามไปได้ ไม่ใช่จะใช้เสียงข้างมากของรัฐ แต่ต้องได้ 20% ของฝ่ายค้าน และ 1 ใน 3 ของ สว. ด้วย และแม้ผ่านวาระสามไปได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขที่จะคลอดออกมาต้องตอบ 2โจทย์คู่ขนาน คือ ได้ฉันทามติของรัฐสภาระดับหนึ่ง และตอบโจทย์เพียงพอที่ประชาชนจะลงคะแนนเห็นชอบตอนประชามติ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่เป็นฉบับหลัก เป็นผู้ร่างชั้นเดียว คือ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมให้ประชาชนคัดมาก่อน 70 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเหลือ 35 คน โดยใช้วิธีการเสนอชื่อตามสัดส่วน ให้ สส. และสว. รวมกลุ่ม 20 คน เสนอผู้ร่าง 1 คน ป้องกันไม่ให้ใช้เสียงข้างมากลากไป
ส่วนอีกกลไกคู่ขนาน คือ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้มาจากการเลือกตั้งทางตรง เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญห้ามเฉพาะประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง แต่สภาที่ปรึกษาไม่มีอำนาจในการทำเนื้อหา จึงสามารถมาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้
โมเดลดังกล่าวเป็นโมเดลคู่ขนานที่เป็นไปตามข้อจำกัดของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่า มีมุมมองที่แตกต่างกัน บางฝ่ายเห็นด้วยกับ กมธ.ชั้นเดียว แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งทางอ้อม อีกฝ่ายเห็นว่าควรมี สสร. แต่งตั้งจากรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเรื่องอะไรที่ลงมติไม่ได้ ที่ผ่านมาพยายามมองว่าอะไรที่ตรงกัน และหากได้ฉันทามติจะเดินหน้าได้โดยไม่ลงมติ แต่หากจำเป็นต้องลงมติเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องทำเพื่อให้รู้ว่าแต่ละทางเลือกมีผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน เชื่อว่าการประชุมวันที่ 12 พ.ย.นี้ ประเด็นที่เห็นต่างกันจะหาข้อสรุปได้ในทางใดทางหนึ่ง
นายพริษฐ์ กล่าววว่า มุมหนึ่งต้องยืนยันว่า สิ่งที่เสนอไม่ขัด แต่อีกมุมเข้าใจว่ามีความกังวล จึงเป็นความพยายามทำความเข้าใจว่ากังวลเรื่องใด คลายข้อกังวลได้หรือไม่ หากไม่ได้ จะปรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นแบบไหนที่ยังคงหลักการที่ยึดถือและคลายกังวลด้วย
นายพริษฐ์ ย้ำว่า เป้าหมายคือพยายามหาฉันทามติจากทุกฝ่าย หาจุดกึ่งกลางที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่ง กมธ.คาดหวังว่า เมื่อร่างแก้รัฐธรรมนูญที่รับมา ทั้งของพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทย มีสิทธิเสนอเช่นกัน ต้องเอาโมเดลมาผสมในสิ่งที่รับได้ในเชิงหลักการ และผ่านความเห็นชอบของประชาชน












