POLITICS

‘สีหศักดิ์’ นั่งหัวโต๊ะหารือเอกชนไทยในกัมพูชา ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่หนทางไปสู่สันติภาพไม่ใช่เรื่องง่าย

วันนี้ (10 ต.ค. 68) เวลา 14.30 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการหารือกับผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชา ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

นายสีหศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า เราเข้าใจความห่วงใยของท่านที่มีต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา คงไม่ต้องอธิบายความมากมาย ท่านคงทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศทราบเป็นอย่างดีว่าท่านได้รับผลกระทบ วันนี้จึงอยากมาฟังจากทุกท่าน ว่าผลกระทบที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างที่เรากำลังหาทางเจรจาแก้ไขปัญหากับฝ่ายกัมพูชา จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบด้วยมาตรการต่าง ๆ ได้อย่างไร

สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เราเป็นเพื่อนบ้านกัน อย่างไรเราต้องอยู่ร่วมกัน เราควรจะอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติ เพราะสันติภาพของเขา เสถียรภาพของเขา ความก้าวหน้าของเขาก็คือสันติภาพของเรา และความก้าวหน้าของเราด้วย ความสัมพันธ์ควรจะเป็นแบบนั้น สถานการณ์ปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่ฝ่ายไทยไม่ได้พึงประสงค์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราพยายามจะยื่นมือเพื่อขอพูดคุย ขอแก้ไขด้วยสันติวิธีด้วยการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ถ้าเราเป็นเพื่อนบ้านกันก็ควรจะใช้วิธีการแบบนั้น

”น่าเสียดายที่ผ่านมาความรู้สึกของผม ตั้งแต่ผมมารับหน้าที่ช่วงแรก เหมือนเขาบ่ายเบี่ยงที่จะเจรจาอย่างจริงจัง บางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะเจรจาหรือไม่ เขาพยายามสร้างความได้เปรียบมาโดยตลอดเวลาที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเราอยากจะเน้นการพูดคุยสองฝ่าย แต่เขามักจะไปในเวทีระหว่างประเทศ“

นายสีหศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ตนเองเดินทางไปประชุมที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนเองได้มีการพบปะพูดคุยกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ในฐานะที่เป็นนักการทูตด้วยกัน ได้เรียนท่านว่าแม้ประเทศเราจะมีความขัดแย้ง แต่เราต้องพูดคุยกัน หาช่องทางที่จะแก้ไขปัญหาหาจุดร่วมกันให้ได้ ซึ่งต่อมาฝ่ายสหรัฐฯ ประสานให้มีการประชุม 4 ฝ่าย ระหว่างไทย กัมพูชา มาเลเซีย และสหรัฐฯ ความตั้งใจของสหรัฐฯ คือ ต้องการให้สองฝ่ายมาคุยกัน โดยที่เขาเป็นผู้ช่วยประสานเพื่อให้เกิดความคืบหน้า วันนั้นเราพบกันไม่นาน แต่ตนเองได้เรียนที่ประชุมว่า อยากให้ภาพออกมาดี ไม่ใช่เป็นการประชุมเพื่อสร้างภาพอย่างเดียว ควรจะเน้นถึงความคืบหน้าและความตั้งใจจริงของทั้งสองฝ่าย

แต่วันถัดมากัมพูชามีการกล่าวสุนทรพจน์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกแปลกว่าแทนที่จะไปในโทนเดียวกันก็ไปอีกทางหนึ่ง ค่อนข้างที่จะกล่าวหาประเทศไทยในหลายเรื่อง เป็นการใช้เวทีระหว่างประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบ ตนเองจึงต้องจำเป็นต้องชี้แจงและพูดในมุมมองของไทย เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ความรู้สึกของคนไทยเป็นอย่างไร ตนเองก็พูดตามนั้น

ขณะนี้เราเริ่มที่จะมาคุยกันในเรื่องที่จะทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่สภาวะปกติ ในเรื่องที่คิดว่าจะทำให้เราสามารถดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้ แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น ท่าทีของไทยคือปกป้องอธิปไตย เราไม่กลัวที่จะเจรจากับเขา ตราบใดที่เจรจาอย่างจริงจัง อย่างที่นายกรัฐมนตรีระบุเมื่อวานนี้ (9 ต.ค. 68) มี 4 ประเด็นหลักคือ

1.การถอนอาวุธหนักออกจากบริเวณชายแดน โดยมีการตรวจสอบโดยคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน
2.ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ต้องมีการเก็บกู้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก
3.ไม่ใช่เพียงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างเดียว แต่ผลกระทบมีทั่วโลก โดยเฉพาะอาชญากรรมบริเวณชายแดนเรื่องคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ จะต้องมีการปราบปรามอย่างจริงจัง เรามีข้อมูลว่ากระบวนการเหล่านี้อยู่ที่ไหน จึงขอให้ฝ่ายกัมพูชาร่วมมือด้วย
4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนที่มีการรุกล้ำเข้ามาโดยชาวกัมพูชา เรามั่นใจว่าเป็นการรุกล้ำจริง ๆ แม้จากแผนที่ต่างคนจะต่างอ้างสิทธิ์ เป็นปัญหาที่ค้างมาหลายปีตั้งแต่มีสงครามการเมืองของกัมพูชา ไทยจึงเปิดชายแดนตามหลักมนุษยธรรม ถึงเวลาที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย

นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่าหากเรื่องเหล่านี้มีความคืบหน้าจะสามารถให้เราดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนได้ สิ่งที่กังวลคือ การค้าบริเวณชายแดน ล่าสุดเรามีมหาอำนาจประเทศหนึ่งที่ต้องการจะช่วยเป็นตัวกลาง เราอยากจะแก้ไขปัญหาที่อยู่กับกัมพูชาโดยวิธีการของสองฝ่าย แต่ถ้าเขามีความหวังดีอยากจะเข้ามาเป็นผู้ประสาน ถ้าไม่ใช่ผู้เจรจา เราก็ไม่ขัดข้อง ก็มีการพูดคุยกันอยู่หากเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เกิดความคืบหน้า เราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเราต้องการให้เกิดความคืบหน้าอย่างแท้จริง

“ผมยืนยันว่ารัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย หนทางไปสู่สันติภาพไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราทำเต็มที่” นายสีหศักดิ์ กล่าว

จากนั้นนายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้กล่าวรายงานสถานการณ์ต่อที่ประชุม ก่อนจะเปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชา สะท้อนปัญหา ผลกระทบ และข้อเสนอแนะต่อนายสีหศักดิ์ด้วย

Related Posts

Send this to a friend