POLITICS

เปิดประชุม คกก.ศึกษาทำประชามติแก้ รธน. นัดแรก ‘ภูมิธรรม’ คาดจบใน 4 ปี

เปิดประชุม คกก.ศึกษาทำประชามติแก้ รธน. นัดแรก ‘ภูมิธรรม’ คาดจบใน 4 ปี ย้ำมุ่งรับฟังความเห็นให้มากที่สุด หวังประชาธิปไตยเกิด โดยไม่แตะสองหมวดแรก เหน็บ ‘ก้าวไกล’ ไม่ได้ผูกขาดความน่าเชื่อถือทางการเมืองอยู่พรรคเดียว

วันนี้ (10 ต.ค. 66) เวลา 13:30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรก ณ ห้องประชุม 108 อรรถไกวัลวที สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีกรรมการร่วมประชุมทั้งในห้องและผ่านระบบออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานจากในที่ประชุมว่า มีกรรมการเข้าร่วมประชุมในห้อง อาทิ ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ นายนิกร จำนง พรรคชาติไทยพัฒนา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท พรรคเพื่อไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนการประชุมดังกล่าวว่า วันนี้จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงกรอบอำนาจหน้าที่ในการทำงาน ตลอดจนเสนอประเด็นพิจารณา อาทิ การศึกษาการจัดทำประชามติโดยใช้แนวทางตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การสำรวจความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และการศึกษาการดำเนินการให้รัฐธรรมนูญลุล่วงได้ทั้งหมด พร้อมทั้งจะมีการพิจารณาว่า ต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการใดหรือไม่

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดของคณะกรรมการฯ คาดว่า และจะพยายามให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ปี โดยยืนยันว่าจะมีกรรมการ 34-35 คนตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจำนวนกรรมการดังกล่าวนั้นไม่มีความคาดหวังใด ๆ ทั้งสิ้น รวบรวมมาประมาณ 30 คนน่าจะทำให้การทำงานคล่องตัวที่สุด เพราะถ้าเยอะเกินไปก็จะมีปัญหา หากจะมีคณะอนุกรรมการจะทำเฉพาะเรื่องได้ก็สามารถตั้งขึ้นได้ คิดว่าเป็นการคล่องตัวที่สุดที่ทำให้เราทำงานได้ทุกประเด็น

อย่างไรก็ตาม แม้พรรคก้าวไกลไม่เสนอบุคคลร่วมในคณะกรรมการฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เสียดาย แต่ไม่เป็นปัญหา ถึงเวลาคณะกรรมการฯ จะไปฟังความเห็นอยู่ดี หรือส่งความเห็นมาได้ที่เลขานุการคณะกรรมการฯ ยืนยันว่า ยังจะต้องคุยกัน ตลอดจนสื่อสารกับสื่อมวลชน เพื่อรับฟังความเห็นให้ได้มากที่สุด

“พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคเดียวที่เป็นหลักประกันว่า จะมีความน่าเชื่อถือทางการเมือง เพราะวันนี้เราพยายามเชิญทุกฝ่ายจากพรรคการเมืองมากที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่าได้พยายามให้เสนอชื่อมาเท่าที่แต่ละพรรคเสนอ ซึ่งครั้งนี้มีฝ่ายค้านเข้าร่วม เช่น พรรคไทยสร้างไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ความน่าเชื่อถือไม่ใช่อยู่ที่พรรคไหนเข้าไม่เข้า ความน่าเชื่อถืออยู่ที่บุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดที่เราเชิญมา ทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญมาตลอด อดีตข้าราชการทั้งสถาบันพระปกเกล้า อัยการ ทหารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย รายชื่อเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนอยู่แล้ว”

นายภูมิธรรม ปฏิเสธที่จะคิดว่าการที่พรรคก้าวไกลไม่เข้าร่วมคณะกรรมการฯ เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายปรารถนา เพียงแต่รายละเอียดอาจแตกต่างกัน เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการ จึงเคารพสิทธิแต่ละฝ่ายว่าจะเข้าร่วมหรอไม่ รัฐบาลได้แสดงความจริงใจในการดึงทุกฝ่ายเข้ามาร่วมจริง ๆ ไม่มีใครไปครอบงำใครได้ เพราะทุกเรื่องกระทำโปร่งใส ทุกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายภูมิธรรม ยังเชื่อว่า รัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่ จะเป็นรัฐธรรมนูญที่สอดรับกับสถานการณ์ปกติและเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เท่าที่จะสำรวจความคิดเห็นและประเด็นสาธารณชนปรารถนา ทั้งนี้ จะไม่แตะหมวด 1-2 และพระราชอำนาจ ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นความปรารถนาส่วนใหญ่ของสังคม จึงไม่คิดว่าจะมีส่วนไหนของสังคมที่มีปัญหากับหลักการข้อนี้ นอกเหนือจาก 2 ข้อนี้เป็นพื้นฐานที่สังคมไทยเคารพนับถือนั้น ความเป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้หมด

“ต้องสำเร็จครับ ตั้งเป้าว่าให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่รัฐบาลมีวาระอยู่ ภายใน 4 ปีต้องจบ และก็ตั้งเป้าอยู่แล้วว่าในหลักการให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ให้ทุกฝ่ายมีส่วนและได้กำกับรับรู้เรื่องนี้ จึงมีความเป็นไปได้มากที่ทุกฝ่ายจะสนับสนุน”

Related Posts

Send this to a friend