ปลัดแรงงาน เผย ทอ.เตรียมบินไปรับคนไทยชุดแรก 15 คนกลับพรุ่งนี้
ปลัดกระทรวงแรงงาน เผย ทอ. เตรียมบินไปรับคนไทยชุดแรก 15 คน กลับพรุ่งนี้ ส่วนชุดอื่นยังไม่ได้รับรายงาน เร่งประสาน กต. ช่วยเหลือแรงงานไทยทั้งหมด ด้านประธาน กมธ.แรงงาน แนะ ฝ่ายการเมือง ระวังเรื่องการแสดงความคิดเห็นเลือกข้าง หวั่นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วันนี้ (10 ต.ค. 66) เวลา 11:30 น. ที่กระทรวงแรงงาน นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงานให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือรับฟังนโยบายของกระทรวง และเสนอแนะ ของกระทรวงแรงงาน ถึงกรณีการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า วันนี้มาหารือกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้ประสานกับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมทีมบริหารฝ่ายการเมือง และนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อที่จะให้คณะกรรมการของสภาผู้แทนราษฎรมารับฟังนโยบาย อุปสรรค และข้อเสนอแนะ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ในฐานะคณะกรรมการแรงงาน ถือว่าเป็นภารกิจโดยตรงของคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงมีเพื่อนสมาชิกที่อยู่ในจังหวัดที่มีแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเป็นจำนวนมากกว่า 4 พันคน และโดยรวมทั้งประเทศกว่า 3 หมื่นคน
ทั้งนี้ได้รับฟังตัวเลขของผู้รับการช่วยเหลือจากภัยสงครามที่ได้รับบาดเจ็บ และจากการถูกลักพาตัว ซึ่งถือว่ากระทรวงแรงงานทำได้เป็นอย่างดี และทันท่วงที พร้อมประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ทูตแรงงาน และลูกจ้างที่ไปทำงานที่อิสราเอล และหาทางให้กับผู้ลี้ภัยไปในประเทศรอบข้าง หรือพื้นที่ใกล้เคียงให้กับแรงงานที่ไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ
นายสฤษฏ์พงษ์ ยังกล่าวอีกด้วยว่าประเทศที่แรงงานไทยเข้าไปทำงานอยู่ ในส่วนของฝ่ายภาคการเมือง เราก็ต้องให้ความระมัดระวังในเรื่องการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะการเลือกข้าง เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว และยากลำบาก ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นก็ขอให้ความไม่สงบหรือภัยสงครามยุติหรือสงบลงโดยเร็ว และไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง โดยสิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราหวังแต่ให้เกิดสันติภาพ พร้อมเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทดังกล่าว และมีความเป็นห่วงคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ ว่าจะได้รับความปลอดภัยหรือไม่
ส่วนเรื่องการติดต่อกับแรงงานไทย ได้รับทราบจากผู้ช่วยรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงฯ ว่า ได้มีการตั้งวอร์รูม และมีสายด่วนของกระทรวง รวมถึงให้ทุกจังหวัดที่มีแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอล ก็ให้ประสานงานได้ที่จังหวัดนั้นๆ ได้ทันที ซึ่งกระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน และมอนิเตอร์ข้อมูล
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกจับเป็นตัวประกัน หรือเสียชีวิตนั้น เบื้องต้นกระทรวงแรงงานตั้งวอร์รูมแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับญาติพี่น้อง หรือครอบครัว และประชาชนทั่วไปแล้ว สามารถติดต่อแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ที่สายด่วนหมายเลข 1694 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนกรณีบาดเจ็บจากภัยสงคราม ก็จะมีเงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และมีเงินประกันชีวิตจากอิสราเอล ที่จะช่วยเหลือแรงงานที่ประสบปัญหาจากภัยสงคราม เช่น บาดเจ็บที่ทางการอิสราเอลรับรอง 10-19% ก็จะได้รับเงินเยียวยาประมาณ 1 ล้าน 5 แสนบาท กรณีบาดเจ็บมากกว่า 19% ก็จะดูแลจนกว่าแรงงานจะหายเป็นปกติ
ส่วนการช่วยเหลือของทางการไทย แรงงานที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ บาดเจ็บมีเงินช่วยเหลือ รายละ 15,000 บาททุพพลภาพ 30,000 บาท และเสียชีวิต จะมีค่าทำศพ 40,000 บาท ซึ่งตนเองจะเสนอบอร์ดกองทุนกำหนดเรทในการช่วยเหลือให้มากกว่านี้ ปัจจุบันค่าธรรมเนียมการสมัครเป็นสมาชิกกองทุน 300-500 บาท อาจจะเพิ่มเป็น 1,000 บาท ซึ่งจะทำให้เพิ่มเงินช่วยเหลือได้มากกกว่านี้ จะทำให้แรงงานที่ประสบปัญหาในต่างประเทศได้รับเงินเยียวยามากว่านี้
โดยความคืบหน้าต่าง ๆ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล ได้รายงานมาทุกวัน ว่าได้มีการเคลื่อนย้ายคนไทยจากพื้นที่เสี่ยงไปพื้นที่ปลอดภัยอย่างไร โดยเมื่อคืนได้รับรายงานอัครทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ได้เดินทางไปในจุดหลบภัยแรงงาน 249 คน ที่ตอนนี้ก็ยังมีความปลอดภัย แรงงานบางส่วนอยากจะเดินทางกลับ บางส่วนก็ไม่อยากกลับ เนื่องจากเกรงว่าหากลับมาไทยแล้วจะไม่สามารถกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้อีก และยังมีภาระอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้จ่าย กระทรวงแรงงาน จะพยายามเจรจากับอิสราเอล ในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับภายหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย
ในวันพรุ่งนี้ กองทัพอากาศจะบินไปรับแรงงานไทยกลับประเทศไทยจำนวน 15 คน ขณะนี้มีแรงงานแจ้งความประสงค์กลับไทยแล้ว 2,999 คน ทางรัฐบาลได้เครื่องบินของกองทัพอากาศ จำนวน 5-6 ลำ บรรจุคนได้ลำละ 80 คน โดยจะรับแรงงานกลับมาเป็นระรอก ส่วนลอตอื่นๆ อยู่ระหว่างเร่งประสานกระทรวงการต่างประเทศรับกลับเพิ่ม และหลังจากกลับมาถึงกระทรวงแรงงาน ก็จะประสานรถนำส่งภูมิลำเนา
ส่วนแรงงานที่อยากทำงานต่อ ไม่กลับประเทศ อาจจะเจรจาช่องทางอื่น เช่น หากไม่อยากทำงานในเขตภาคใต้ อาจจะให้ไปทำงานภาคเหนือ ภาคกลาง ที่ไม่มีอันตรายแทน
สำหรับประเด็นที่มีข่าวว่าแรงงานหนีออกมาแล้วถูกจับไปใช้แรงงานต่อนั้น ตอนนี้ทราบว่าเป็นข่าวในโซเชียล ซึ่งได้ขอให้อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน เพื่อยืนยันให้ชัดเจนก่อน ซึ่งหากมีแรงงานไทยที่ประสบปัญหา ให้ติดต่อไปที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟได้ทันที
ทั้งนี้ จำนวนผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน ขอให้รอยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้หลังจากแรงงานกลับมาแล้ว จะมีการตรวจร่างกายอะไรหรือไม่นั้น ส่วนนี้กระทรวงแรงงาน ขอประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน แล้วจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป












