‘ปานเทพ-สนธิ-จตุพร-คปท’ บุกยื่นหนังสือปมชายแดนไทย-กัมพูชา
‘ปานเทพ-สนธิ-จตุพร-คปท’ บุกยื่นหนังสือปมชายแดนไทย-กัมพูชา วอน นายกฯ เป็นผู้นำปกป้องอธิปไตยของประเทศ ‘ปานเทพ’ ย้ำ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ขอให้ประกาศอัยการศึกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ด้าน ’สนธิ‘ ยัน หากต้องปลุกม็อบลงถนนก็ยอม
วันนี้ (10 มิ.ย. 68) อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติในความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้เข้ารับหนังสือ
นายสนธิ กล่าวว่า ตนเองขอพูดต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะ นายวีระ สมความคิด เป็นเหยื่อของคนที่ยกพื้นที่ให้กับกัมพูชา ซึ่งข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้เลย อีกทั้งตนเองไม่สนใจว่ากรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 จะเป็นอย่างไร เพราะตนเองรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ต้องเป็นเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนเองสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมือง ที่อยู่ในประเทศไทย ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชามายึดพื้นที่ในประเทศไทย ขอยืนยันว่าเวลาที่จะออกมาแสดงพลังทั้งประเทศนั้น มันใกล้ที่จะมาถึงแล้ว และเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศจะเข้าร่วมกับตนเองในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยของชาติ เพราะว่าเรามีคนไทยใจเขมร
นายสนธิ กล่าวอีกว่า หากถามว่าตนเองจะมีการลงถนนอีกหรือไม่นั้น หากจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย และขับไล่รัฐบาลชั่วช้าถ้าจะลงถนนตนเองก็ไม่ขัดข้อง อายุ 78 ปีแล้ว ขอลงครั้งสุดท้ายก่อนตายตนเองก็ยินดี และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็ร่วมกับตนเองแน่นอน เพราะฉะนั้น จึงฝากถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย
ด้าน อ.ปานเทพ กล่าวว่า กรณีที่ทหารและพลเรือนกัมพูชาได้รุกล้ำราชอาณาจักรไทยหลายพื้นที่ขุดคูเลตเข้ามาในประเทศไทย 200 เมตร เผาศาลาตรีมุข บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี และยังใส่ร้ายประเทศไทยว่าได้ยึดครองปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นของกัมพูชา ทั้งที่พื้นที่เหล่านี้อยู่ในประเทศไทย โดยกัมพูชาประกาศว่าจะนำเรื่องพื้นที่เหล่านี้ขึ้นสู่การตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอันเป็นการแสดงเจตนาในการรุกล้ำอธิปไตยเป็นอริราชศัตรูราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 68 สภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบอำนาจให้กองทัพบกเป็นผู้ตัดสินใจในการควบคุมการเปิดปิดจุดผ่านแดนไทยกัมพูชา และได้ปรับลดเวลาเปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะในแหล่งกาสิโนที่สร้างรายได้อันมหาศาลจากนักพนันฝั่งไทยอันเป็นผลทำให้กัมพูชาปรับวางกำลังกลับสู่สภาพเดิมเมื่อปี 2567 และกลบคูเลต บริเวณช่องบก และเป็นฝ่ายเรียกร้องขอเจรจาในเวทีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)อีกครั้ง
จากเหตุการณ์ดังกล่าวประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินได้ยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามมาตราการดังต่อไปนี้
มาตรการที่หนึ่ง รัฐบาลไทย ต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกและไม่ยอมรับการที่กัมพูชาจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ว่ากรณีใด ๆ และใช้กลไกการเจรจาเรื่องเขตแดนในรูปแบบทวิภาคีโดยใช้กลไกของคณะกรรมการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC)
มาตรการที่สอง รัฐบาลไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการทั้งต่อกัมพูชาและสากลว่าปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต ศาลาตรีมุข เป็นดินแดนอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย
มาตรการที่สาม สั่งการและมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก MOU 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดขึ้นโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว
มาตรการที่สี่ สั่งการและมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก MOU 2544 เพื่อยกเลิกเส้นไหล่ทวีปที่รุกล้ำอธิปไตยน่านน้ำไทย
มาตรการที่ห้า เพิ่มอำนาจต่อรองให้กับราชอาณาจักรไทยก่อนการเจรจา JBC ในวันที่ 14 มิ.ย. 68
มาตรการที่หก หากสถานการณ์ระหว่างไทยกัมพูชาเลวร้ายลงหรือการเจรจาไม่ได้ผลจนไม่อาจบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ให้กองทัพไทยสามารถประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ซับซ้อน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร กระทั่งเกี่ยวข้องกับผู้เป็นพ่อคือนายทักษิณ เราไม่ได้เห็นความแข็งแรงของประเทศ และมองสถานการณ์ชายแดนเป็นเรื่องรอง เห็นได้จากที่เรามีปัญหาเรื่องดินแดน แต่ในทำเนียบรัฐบาลกลับแก่งแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่ประชาชนกังวลเรื่องดินแดน แต่รัฐบาลทำเรื่องบ่อนกาสิโนโดยไม่แยแส และขณะที่ประเทศไทยมีปัญหาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่นายกรัฐมนตรีไปที่ภาคตะวันออก คือ จ.กาญจนบุรี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ทุกคนกังวล
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า หากกัมพูชายืนยันว่าจะนำ 4 พื้นที่พิพาทไปขึ้นศาลโลก โดยไม่นำเข้าที่ประชุม JBC ซึ่งความเป็นจริงการเจรจาต้องยกเลิก และถ้ามันใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมีรัฐบาล ส่วนที่ทหารเป็นผู้เข้าไปเจรจา แต่รัฐบาลกลับเอามาเคลมเป็นผลงานตัวเอง ฉะนั้นวันนี้เราต้องตั้งหลักใหม่ ประกาศยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 ไปก่อนเอาทุกอย่างที่เสมอภาพมาตกลงกันใหม่