จตุพร-นิติธร นำกลุ่มประชาชน ยื่นหนังสือถึง “ไบเดน” ท้วง อ้างไทยร่วมปกป้องไต้หวัน
เผย เตรียมแสดงจุดยืนหน้าทำเนียบ จี้ รัฐบาลไทยแสดงท่าทีต่อต่อต้านการแทรกแซงของสหรัฐอเมริกา
วันนี้ (10 มิ.ย.65) กลุ่มรวมประชาชนคนไทย นำโดย นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แกนนำกลุ่ม กลุ่มไทยไม่ทน พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ และเครือข่ายภาคประชาชน เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผ่านตัวแทนของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา หยุดกล่าวอ้างถึงประเทศไทยในการร่วมปกป้องไต้หวัน เพื่อร่วมต่อต้านภัยคุกคามจากประเทศจีน
โดยตัวแทนกลุ่มประชาชนคนไทย อ่านจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อประท้วงการอ้างถึงประเทศไทยในการร่วมปกป้องไต้หวัน เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีน พร้อมขอให้สหรัฐอเมริกา แสดงความรับผิดต่อการกระทำขององค์กร CIA ที่ปฏิบัติการจัดทำข้อมูล แพร่กระจายข่าวเท็จ กรณีมีสายลับอิหร่านจะปฏิบัติการต่ออิสราเอล และการปฏิบัติอื่น ๆ ในพื้นที่ประเทศไทย รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกแผนปฏิบัติการในการใช้พื้นที่ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ติดตั้งการปฏิบัติการทางอาวุธ และทางระบบไซเบอร์ เพราะอาจส่งผลให้ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งกับมิตรประเทศของไทย
ซึ่งรายละเอียดของจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีดังนี้
กราบเรียน ฯพณฯ นายโจเซฟ อาร์.ไบเดน จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย

ตามเรื่องที่กล่าวข้างต้น รวมตลอดถึงการกระทำ การปฏิบัติการด้านต่างๆ ที่ผ่านมาของ สหรัฐอเมริกาต่อประเทศไทย เป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนถึงความมุ่งหมาย ในการกดขี่ ครอบงำ ประเทศไทย โดยต้องการประเทศไทยเป็นตัวแทนการต่อต้าน การเผชิญหน้า การสร้างความขัดแย้ง กับนานาประเทศ โดยไม่สนใจ ให้ความเคารพในเอกราช ความมีอิสระของประเทศไทย
ประการสำคัญการกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนไทยประจักษ์ชัดถึงเจตนาอันแฝงเร้นด้วย เล่ห์กลต่างๆ อันอาจเรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใน ลักษณะสงครามตัวแทนของสหรัฐ เพื่อต่อสู้กับประเทศต่างๆ ที่สหรัฐได้รุกรานและสร้างศัตรูไว้
กลุ่มรวมประชาชนขอให้ท่านและสหรัฐอเมริกายึดมั่น ดังนี้
๑. สหรัฐอเมริกาต้องเคารพ ความมีเอกราช ความอิสระ อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย เฉกเช่นที่สหรัฐอเมริกาต้องการจากประเทศต่างๆ
๒. สหรัฐอเมริกาต้องเคารพด้วยความจริงใจ ต่อประเทศไทยในฐานะมิตรประเทศ ที่มิได้เป็นภัย
๓. สหรัฐอเมริกาต้องต้องไม่แทรกแซง กิจการด้านความมั่นคง ด้านการทูต ยุติการมุ่งทำลาย สถาบันกษัตริย์ ศาสนา หยุดเอาเปรียบด้านเศรษฐกิจกอบโกยทรัพยากรต่างๆ ของ ประเทศไทย
จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศว่า มอบหมายให้พันธมิตรอินโด-แปซิฟิก คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และฟิลิปปินส์ รับภาระในการปกป้องไต้หวัน ถ้าหากจีนบุกยึดไต้หวัน และแถลงว่าจะร่วมมือพันธมิตรใน ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จัดการซ้อมรบทางทะเล RIMPAC 2022 ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบทางทะเลขนาดใหญ่ ที่สุดในโลก มีกำลังพลเข้าร่วมซ้อมรบมากที่สุดถึง ๒๕,๐๐๐ นาย โดยมีประเทศไทยเข้าร่วมด้วยในช่วงปลาย เดือนมิถุนายนนี้ โดยระบุชัดเจนว่า เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีนนั้น
รวมทั้งการที่พลเรือเอก จอห์น ซี. อากีโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของ สหรัฐอเมริกา (US NOOPACOM เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ กับไทย (U.S-Thai Senior Leader Dialogue หรือ SLD) ประจำปี ๒๕๐๕ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีการลงนามใน กรอบแผนงานสนับสนุนแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย ค.ศ. 2020 (Thailand United States Joint Vision Statement 2020 Support Framework) ซึ่งสหรัฐฯ จะขยายขอบเขตและ ยกระดับความซับซ้อนของการฝึกร่วมกัน ซึ่งรวมถึงปฏิบัติการทางไซเบอร์นั้น
กลุ่มรวมประชาชน ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความห่วงกังวลว่า จะเกิดความเข้าใจ คลาดเคลื่อนจากนานามิตรประเทศว่า ประเทศไทยจะไม่รักษาดุลยภาพของเป็นกลาง หากเกิดความขัดแย้ง ด้วยกำลังอาวุธขึ้นภายในภูมิภาคนี้ จึงขอเรียกร้องมายังท่านและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า
๑. กลุ่มรวมประชาชน ขอประท้วงต่อการอ้างสนธิสัญญา ข้อตกลง แถลงการณ์ร่วม ที่นำไป ประกาศแต่เพียงฝ่ายเดียวว่า ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรร่วมรบ หรือเลือกอยู่ข้างสหรัฐฯ ใน การต่อต้าน “ศัตรู” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศว่า มอบหมายให้ประเทศ ไทยรับภาระในการปกป้องไต้หวัน ถ้าหากจีนบุกยึดไต้หวัน ซึ่งนับเป็นการขาดมารยาททางการ ทูตที่ดีต่อมิตรประเทศ เนื่องจากเป็นการประกาศยุทธศาสตร์การรบของสหรัฐฯ แต่เพียงฝ่าย เดียว และสหรัฐฯ ไม่ควรกระทำการดังกล่าวซ้ำอีก
๒. กลุ่มรวมประชาชน ขอคัดค้าน และคัดค้านความพยายามกดดันให้กองทัพไทยเข้าร่วมซ้อมร การทางทะเล RIMPAC 2022 ดังกล่าว
๓. กลุ่มรวมประชาชน ไม่ยอมรับสนธิสัญญา ข้อตกลง แถลงการณ์ร่วม โดยเฉพาะพันธกรณีที่มีผล

สืบเนื่องมาจาก”ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา” ที่ก่อปัญหานำประเทศไทยไป ขัดแย้งกับมิตรประเทศ ๔. กลุ่มรวมประชาชน ขอยืนยันว่า ประชาชนคนไทยไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นสนามรบหรือ เป็นกองทัพหน้าของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมทั้งไม่ต้องการให้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการในการทำสงครามไซเบอร์ หรือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อโจมตีประเทศอื่น
๔. กลุ่มรวมประชาชน ห่วงกังวลต่อพฤติกรรมของสหรัฐฯ ที่พยายามสร้างสถานการณ์จากการ เตรียมการรบและการซ้อมรบ รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร เพื่อก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ความ ขัดแย้งระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันในรูปแบบสงครามตัวแทน บนพื้นฐานที่ ประเทศไทยกลายเป็นผู้แบกรับต้นทุนและความเสียหายแทนสหรัฐฯ ซึ่งสร้างผลกระทบในทาง ลบต่อมิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและมิตรประเทศอื่น
๕. กลุ่มรวมประชาชนขอแจ้งต่อสหรัฐอเมริกาว่าจะไม่อดทนต่อการกระทำซ้ำของท่าน ในทุกกรณี และพร้อมแสดงเจตนา ตัวตน หน้าสถานทูตอเมริกาอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มรวมประชาชน จึงขอเรียนมาเพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงมายังรัฐบาลและประชาชนของสหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-สหรัฐ กำลังเสื่อมทรามลง อีกทั้งยังขัดหลัก พื้นฐานความร่วมมือและความเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน และไทยถูกกระทำให้เกิดความตึงเครียดทาง การทหารในพื้นที่โดยรอบประเทศไทยมากขึ้นโดยลำดับ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมิตรประเทศ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองประเทศจะกลับมายึดมั่นใน เส้นทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยสันติ เพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กลุ่มรวมประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ขอให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าว ที่แสดงถึงการใช้ประเทศไทย เป็นฐานในการต่อต้านภัยจากประเทศจีน เพราะเป็นการเสียมารยาททางการฑูต และเป็นการแทรกแซง บ่อนให้เกิดความขัดแย้ง กับประเทศต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับประเทศไทย รวมถึงอาจทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะกับจีนนั้น ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศจีน
นายจตุพร กล่าวต่อว่า อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลประเทศไทย และเหล่าทัพไทย ว่าหากรัฐบาลไม่แสดงท่าทีต่อการใช้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อต้านอำนาจจากประเทศจีนนั้น รัฐบาลไทย และผู้นำเหล่าทัพไทยนั้น พร้อมที่จะกล้าทำสงครามกับประเทศจีนหรือไม่ เพราะฉะนั้นประเทศไทยต้องวางตัวเป็นกลาง ระหว่างความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ถ้าหากยังปล่อยให้สหรัฐอเมริกานำประเทศไทยเข้าสู่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สงครามจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ประเทศไต้หวัน แต่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยเช่นเดียวกัน

โดยวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ตนจะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงจุดยืนว่าตนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของสหรัฐอเมริกา และเพื่อกดดันให้รัฐบาลไทย แสดงท่าทีต่อการกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกา
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า วันนี้กลุ่มรวมประชาชน เดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่ออยากจะย้ำเตือนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าการกระทำของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย เป็นการแสดงตัวตนว่า การปกครองปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นเพียงเรื่องของการสร้างผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเพียงเท่านั้น ดังนั้นกลุ่มรวมประชาชนจะไม่อยู่เฉยในการปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกา และจะปฏิบัติการกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน
นับจากวันนี้ไปถ้าอเมริกายังทำซ้ำ หรือการกระทำใด ๆ ก็ตามที่เป็นการละเมิดสิทธิของประเทศไทย หรือการยุยงให้เยาว์ชน เกลียดประเทศตัวเอง และการมุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย รวมถึงการแทรกแซงกิจการความมุ่งคงภายในของประเทศ เราจะเดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งการอยู่หน้าสถานทูตในครั้งต่อไปนั้น จะไม่ใช่รูปแบบเดิม เพราะฉะนั้นสหรัฐอเมริกาควรที่จะเรียนรู้การอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับประเทศอื่น ๆ ถ้าไม่เป็นอย่างงั้น ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ควรจะให้บทเรียนกับสหรัฐอเมริกา พร้อมขอให้บุคลากรที่กำลังปฎิบัติภารกิจในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ใช่นักการฑูตนั้นถอนตัวออกจากประเทศไป และขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าทุกการกระทำของสหรัฐอเมริกา อยู่ในสายตาของพวกท่าน หากไม่แสดงท่าที หรือนิ่งเฉยต่อการกระทำ ก็ไม่สมควรที่จะบริหารประเทศนี้อีกต่อไป












