POLITICS

ดร.ปิติพงศ์ จี้ รัฐต้องควบคุมราคา ‘คาร์ซีต’ ให้ประชาชนเข้าถึงได้ ไม่แพง-ไม่สร้างภาระ

ดร.ปิติพงศ์ จี้ รัฐต้องควบคุมราคา ‘คาร์ซีต’ ให้ประชาชนเข้าถึงได้ คาร์ซีตต้องไม่แพง ไม่สร้างภาระให้ประชาชน

วันนี้ (10 พ.ค. 65) ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ดร.ปิติพงศ์เต็มเจริญ’ เกี่ยวกับการออกประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่กำหนดให้ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ความว่า

“ รัฐต้องควบคุมราคา ‘คาร์ซีต’ ให้ประชาชนเข้าถึงได้ คาร์ซีตต้องไม่แพง ไม่สร้างภาระให้ประชาชน

จากกรณีที่รัฐบาลได้ออกประกาศ พระราชบัญญัติ จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ตอนหนึ่งระบุถึงสาระสำคัญให้ ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษ สำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และคนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทนั้น

กฎหมายดังกล่าวถือเป็นกฎหมายที่ดีในการสร้างความปลอดภัยให้กับชีวิตของเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี แต่กฎหมายฉบับนี้ออกโดยไม่เข้าใจถึงสภาพเศรษฐกิจของประชาชนในเวลานี้ ที่กำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หลายคนเงินหดรายได้หาย หลายคนต้องตกงาน

อีกทั้งคาร์ซีตยังมีราคาสูง โดนคาร์ซีตที่มีคุณภาพจะมีราคาในหลักพันถึงหลักหมื่นบาท และเมื่อคาร์ซีตกลายเป็นสิ่งบังคับที่ต้องมีตามกฎหมาย ก็จะทำให้อุปสงค์ความต้องการของคาร์ซีตเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาของคาร์ซีตในท้องตลาดสูงขึ้นต่อไป

รัฐบาลจะต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ไม่ผลักภาระให้ประชาชนจนเกินแก่เหตุ รัฐบาลจะต้องควบคุมราคาของคาร์ซีต ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและประชาชนเข้าถึงได้ ผ่านมาตรการทางภาษี ไม่ว่าจะเป็นการงดเก็บภาษีนำเข้าคาร์ซีต การออกมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับค่ายรถที่แถมคาร์ซีตแก่ผู้บริโภค รวมถึงรัฐบาลจะต้องพิจารณามอบคูปองส่วนลดในการซื้อคาร์ซีต เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงในราคาที่ถูกลงได้

กฎหมายที่ดีจะต้องเข้าใจหัวอกของพี่น้องประชาชน กฎหมายที่ดีจะต้องไม่มุ่งใช้บังคับพี่น้องประชาชนโดยปราศจากความเป็นธรรม โดยไม่มองถึงบริบทและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจประกอบ

ประเทศนี้จะดำรงอยู่ได้รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน เข้าใจถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เข้าใจถึงหัวอกของพี่น้องประชาชน และบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดความยุติธรรมครับ”

Related Posts

Send this to a friend