‘พีมูฟ’ ยื่นหนังสือ กมธ.นิรโทษกรรมด้านที่ดินฯ ขอทำกฎหมายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
‘พีมูฟ’ ยื่นหนังสือ กมธ.นิรโทษกรรมด้านที่ดิน-ทรัพยากร ขอทำกฎหมายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว บอกนโยบายทวงคืนผืนป่าส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ชี้เป็นเหยื่อจากนโยบายรัฐที่ผิดพลาด
วันนี้ (9 ต.ค. 68) เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐ และได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ด้านป่าไม้และที่ดิน ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ยื่นหนังสือข้อเสนอต่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับผลกระทบจากการดำเนินการนโยบายของรัฐด้านที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร มารับหนังสือ ซึ่งมีข้อเสนอ ดังนี้
1.ขอยืนยันว่าการดำเนินการตามนโยบายด้านการจัดการด้านที่ดินและป่าไม้ของรัฐที่ผ่านมา มีคนจน ผู้ยากไร้ กลุ่มชาติพันธุ์ คนชายขอบ ได้รับความเสียหายและผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวจำนวนมาก ทำให้พวกผู้ร้องไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะไม่มีความมั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัย ถูกแนวเขตที่ดินของรัฐทับที่ทำกิน ทั้ง ๆ ที่อยู่มาก่อนการประกาศเขตป่าของรัฐ ทำให้เราผู้บุกเบิกกลายเป็นผู้บุกรุกในที่ดินของตนเอง ขณะที่การประกาศเขตป่าไม้และที่ดินในหลายพื้นที่ พบว่ามีนายทุนหรือมีอิทธิพลและคนร่ำรวย ซึ่งเป็นแค่คนส่วนน้อยได้ยึดครองที่ดินจำนวนมาก ขณะที่คนจนผู้ยากไร้จำนวนมากกลับไม่มีที่ดินที่ทำกิน แม้อาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐก็ไม่มีความมั่นคงถูกคุกคามด้วยการดำเนินคดี โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 มีคดีที่เกิดจากนโยบายทวงคืนผืนป่ากว่า 48,000 คดี
2.ผู้ร้องขอยืนยันว่าการดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่า คือรูปธรรมความล้มเหลวในการจัดการทรัพยากรป่าไม้แบบรวมศูนย์ผูกขาดของรัฐที่ไม่อาจจัดการกับกลุ่มนายทุนบุกรุกผืนป่าได้ แต่รัฐกลับมาดำเนินคดีกับคนจนผู้ยากไร้แทน ผู้ร้องเหล่านี้คือ “เหยื่อ” ผู้ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านป่าไม้ที่ดิน ทำให้ไร้สิทธิ์ที่จะอยู่บนผืนดินของตนเอง ครอบครัวล่มสลาย มีปัญหาหนี้สินอันมีสาเหตุมาจากนโยบายการจัดการที่ดินและทรัพยากรของรัฐ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาผู้ร้องคือผู้สร้างประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้วยความมานะอดทนทำมาหากินโดยสุจริตบนผืนดินของบรรพชนที่บุกเบิก หากินเลี้ยงชีพบนฐานของการทำเกษตรกรรมเลี้ยงแบบพอมีพอกิน ประชาชนไม่ใช่นายทุน มิใช่อาชญากรรมของแผ่นดิน หากแต่การดำเนินการของรัฐดังกล่าว ประชาชนคือเหยื่อจากนโยบายรัฐที่ผิดพลาด
3.ขอสนับสนุนและให้เร่งผลักดันกฎหมายฉบับนี้ จะนำมาซึ่งการคืนสิทธิและความเป็นธรรมทั้งปวงให้กับพวกเรา ผู้เสียหายและได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้ กฎหมายฉบับนี้จะก่อให้เกิดความสันติสุข ภายใต้สิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งถึงเวลาแล้วที่สภาฯ จะได้ร่วมกันสร้างความถูกต้องเรื่องแนวเขตที่ดินของรัฐ ภายใต้หลักประชาธิปไตย เคารพสิทธิมนุษยชน สร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิต ภายใต้การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล เป็นธรรมและยั่งยืน
ด้านพันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า กมธ.มีการพิจารณาอย่างรอบด้าน รวมถึงกำหนดโทษความผิดในกรณีที่รัฐรังแกประชาชน หรือประกาศเขตป่า อุทยานที่ไปทับที่ของประชาชนที่อยู่มาก่อน เราพบว่ามีการศึกษาและมีชุมชนจำนวนมากถูกประกาศทับพื้นที่ เมื่อรัฐดำเนินการแล้ว ไม่มีการแก้ไข ทำให้คนกลุ่มนี้จากเจ้าของกลายมาเป็นผู้อยู่อาศัย และหวังว่าจะให้เสร็จปลายเดือนตุลาคม มีการศึกษาและทำวิจัย โดยการนิรโทษกรรมกระทำผิดกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นผู้เสียหายด้วยซ้ำ เขาควรจะฟ้องรัฐด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อล้างมลทินแล้ว เชื่อว่าที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะพื้นที่ป่ากับที่ดินต่างกัน
พันตำรวจเอกทวีย้ำว่าต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนโดยการสื่อสาร จึงอยากให้คนรู้สึกสุดโต่งเข้ามารับฟังคณะกรรมาธิการเรา และยึดมั่นว่าวันนี้เราจะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ และเขียนนโยบายให้มีป่า 40% ของพื้นที่ในประเทศ โดยเชื่อว่าหากนโยบายเหล่านี้เสร็จสิ้น ประชาชนจะปลูกป่าและรัฐก็ต้องดูแลตัวเอง ย้ำว่าวันนี้รัฐต้องทำความเข้าใจว่าคนจะอยู่กับป่าอย่างไร












